สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานผ้าไตร และน้ำสรงพร้อมเครื่องสักการะ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ทั้งพุทธ และมุสลิมเข้าร่วมพิธีทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 82 ปี เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสเนืองแน่น
วันนี้ (7 มกราคม 2563) เวลา 08.30 น. พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอสุไหงปาดี ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ทั้งชาวไทยพุทธ และมุสลิม ร่วมพิธีฉลองอายุวัฒนมงคล 82 ปี ของพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา และเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส
ซึ่งจัดขึ้นที่วัดประชุมชลธารา อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ภายในพิธีมีการประกอบพิธีสงฆ์ โดยพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ กล่าวสัมโมทนียคถา พระสงฆ์สมณศักดิ์ จำนวน 20 รูป และในพิธีครั้งนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นผู้แทนพระองค์นำผ้าไตรพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และน้ำสรง พร้อมเครื่องสักการะถวายให้แก่พระเทพศีลวิสุทธิ์
จากนั้นเวลา 10.00 น. นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นประธานในพิธีแสดงมุทิตาจิต และถวายเครื่องสักการะ (ธูปเทียนแพ) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ และมุสลิมในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี รวมทั้งศิษยานุศิษย์จากในและต่างประเทศพร้อมใจร่วมแสดงมุทิตาจิตพร้อมถวายกระเช้าและช่อดอกไม้อวยพรในพิธีฉลองอายุวัฒนมงคล และร่วมพิธีฉลองอายุวัฒนมงคล ครบรอบ 82 ปี 61 พรรษา พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา เจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมความปรองดองสมานฉันท์ และสานสัมพันธ์ของพี่น้องชาวไทยที่มีความต่างทางศาสนา
สำหรับบรรยากาศหลังเสร็จสิ้นพิธีในครั้งนี้ พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาราและเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะและมอบของที่ระลึกแก่ผู้นำศาสนา และชาวไทยมุสลิมที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความรักใคร่ และความสมัครสมานสามัคคีระหว่างสองศาสนา ซึ่งถือเป็นภาพแห่งความประทับใจที่น่าจดจำ
พระเทพศีลวิสุทธิ์ เป็นพระนักพัฒนา และเป็นพระที่เข้าถึง และเข้าใจประชาชนในพื้นที่ คนในพื้นที่ทั้งไทยและมาเลเซีย ให้ความเคารพต่อท่าน เพราะท่าน รักทุกคน ไม่ว่าไทยพุทธและมุสลิม ท่านได้ลงร่วมกิจกรรมมากมาย เข้าใจถึงอัตลักษณ์ ศาสนา วัฒนธรรมอย่างดี ที่ว่าเป็นพระสงฆ์ ที่ทุกคนยอมรับ ในความดีงาม จริยธรรม ที่การปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม การมาร่วมกิจกรรมของชาวมุสลิม มาด้วยใจไม่มีใครบังคับมา เหตุผลเพราะท่านเป็นคนดี และช่วยเหลือประชาชน ไม่แบ่งชั้นชน ความรักความสามัคคี ทำให้ไม่เกิดการหวาดระแวงต่อกัน ระหว่างชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิม ทุกคนต่างอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ ด้วยสันติวิธี ซึ่งพระสงฆ์รูปนี้ทุกคนยอมรับ เป็นแสงแห่งความหวัง ที่จะนำมาสู่ความสันติสุขในพื้นที่