ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 5 บุกจับหนุ่มสาว 4 ราย มั่วสุ่มเสพยาเสพติด ได้ของกลางยาบ้าจำนวน 2,021 เม็ด รับสารภาพเสพ และจำหน่าย ตรวจปัสสาวะพบสีม่วง นำตัวดำเนินคดีอาญา
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2563 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย , พ.ต.อ.วรพงศ์ คำลือ รอง.ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.วชิรศักดิ์ ศรีประสม ผกก.สส.3.บก.สส.ภ.5 , พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร , พ.ต.ท.ธวัชวงค์ ชูกิจคุณ รอง ผกก.สส.3บก.สส.ภ.5 , พ.ต.ท.เอกชัย คิดจักร,พ.ต.ท.ประวิทย์ วงค์โขง สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5,พ.ต.ท.สมศักดิ์ บุตรแก้ว สว.สส.สภ.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ช่วยราชการ กก.สส.ภ.5, ร.ต.อ.รังสรรค์ ไชยวงค์ รองสว.กก.สส.3ฯพร้อมลูกชุด ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ลี้ จว.ลำพูน ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 คน คือ(1) นายชูวิทย์หรือวิท มูลอินทร์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/5 หมู่ที่ 1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน (2)นางสาวพิชยาหรือกุล มูลอินทร์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/5 หมู่ที่ 1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน (3)นายทวัชหรือเก่ง มูลอินทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/5 หมู่ที่ 1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน (4)นายนพรัตน์หรือเบล จันทร์ตาลบ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ม.1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน สถานที่จับกุม/สถานที่เกิดเหตุ :บ้านเลขที่ 88/5 หมู่ที่ 1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน
นำตัวดำเนินคดีโดยกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และผู้ต้องหาที่ 2 และ 4 กล่าวหาเพิ่มว่า “เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย”
ก่อนเกิดเหตุจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ(ประสงค์ขอรับเงินรางวัลนําจับ) ว่าที่บ้านเลขที่88/5 หมู่ที่1 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นบ้านของนายเก่งฯ มีการมั่วสุมเสพยาเสพติด มักจะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าออกอยู่เป็นประจำและส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้แก่เพื่อนบ้านเป็นประจำ และให้การอีกว่านายเก่งฯมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ มีรถหลายคันโดยที่นายเก่งเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดออกมาและไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่มีกลุ่มวัยรุ่นลักษณะคล้ายคนเสพยาเสพติดเข้า-ออกบ้านเป็นประจำ จึงได้ให้สายลับเฝ้าติดตามพฤติการณ์ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
จนกระทั่งวันนี้ สายลับแจ้งยืนยันว่านายเก่งฯมียาบ้ามาพักไว้ที่บ้านฯ จำนวนมาก เพื่อเตรียมกระจายแจกจ่ายแก่ผู้ค้ารายย่อย เมื่อทราบดังนั้น จึงได้นำเรียนผู้บังคับบัญชาให้ทราบ และรีบออกตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจบัตรเจ้าพนักงานปปส.ตามมาตรา 14 เนื่องจากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอันควรสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฎหมายอันไม่อาจขอหมายค้นได้เนื่องจากเกรงว่าสิ่งของผิดกฎหมายอาจถูก ซุกซ่อน ทำลายไปก่อน พบชายวัยรุ่นผอม สูงอยู่ข้างรั้วบ้านนายเก่งฯ เมื่อชายวัยรุ่นคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งและกระโดดข้ามรั้วบ้านวิ่งหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้วิ่งติดตาม แต่ไม่ทันเนื่องจากชายคนดังกล่าวอาศัยความคุ้นชินพื้นที่ (ทราบภายหลังคือ นายอนุวัฒน์หรือต๋องหรือเหยิน ติ๊บพา) ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดหนึ่ง ได้เข้าไปทางหน้าบ้าน พบบุคคลลักษณะตรงที่สายลับแจ้งไว้ อยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอทำการตรวจค้นตัวและบ้านหลังดังกล่าว
ผลการตรวจค้น พบยาบ้าของกลางลำดับที่ 2 วางอยู่ข้างตัว นายนพรัตน์หรือเบล จันทร์ตาลบ ผู้ต้องหาที่ 4 ซึ่งนั่งอยู่ จึงได้ควบคุมตัวกลุ่มคนดังกล่าวไว้ และขอทำการตรวจค้นบ้านและภายในบริเวณบ้าน โดยมีผู้ต้องหาทั้ง 4 เป็นผู้นำพาการตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบยาบ้าอีกจำนวน 1 มัด (ตรวจนับภายหลังทราบว่ามี ยาบ้าจำนวน 2,021 เม็ด) พบวางซุกซ่อนอยู่ข้างรั้วบ้านใกล้กับที่ผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่
ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นจับกุม สอบถาม นายนพรัตน์หรือเบลฯ ผู้ต้องหาที่ 4 รับว่ายาบ้าจำนวน 2 เม็ด ดังกล่าวเป็นของตนเองจริง มีไว้เพื่อเสพเอง แต่สอบถามยาบ้าจำนวน 1 มัด (2,021 เม็ด) ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นเจ้าของแต่อย่างใด จากนั้นได้สอบถามถึงรถจักรยานยนต์ คันหมายเลขทะเบียน ขจข-119 ลำพูน ของกลางลำดับที่ 5 ผู้ต้องหาทุกคนยืนยันว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของ นายอนุวัฒน์ ติ๊บพา คนที่วิ่งหลบหนีไปได้
จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางมาที่ด่านตรวจวังดิน อ.ลี้ จ.ลำพูน และได้ทำการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะเบื้องต้น ผลการตรวจพบ นายนพรัตน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 4 และนางสาวพิชยาฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ให้ผลเป็นบวก จึงได้นำปัสสาวะไปตรวจที่ รพ.ลี้ ให้ผลเป็นบวก แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งหมดทราบว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และผู้ต้องหาที่ 2 และ 4 กล่าวหาเพิ่มว่า “เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” จากนั้นจึงได้นําตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ลี้ เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
***************