ตามที่ แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 มอบหมายให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ร่วมกับฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ ตรวจตรา กวดขัน จับกุม ตามแนวทางการจัดระเบียบสังคมในสถานบริการและสถานประกอบการ ที่ให้บริการคล้ายสถานบริการ เข้มงวดให้ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509, พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551, พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493, พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 รวมตลอดถึง ความผิดที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์, ยาเสพติดให้โทษ และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ในห้วงต้นเดือน มกราคม 2563 ที่ผ่านมานั้น มีผลการดำเนินการ ดังนี้.-
1. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 เวลา 18.00 น. – 24.00 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร จาก กองพันทหารสารวัตรที่ 31, เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ของฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพิษณุโลก, แขวงทางหลวงพิษณุโลกที่ 1 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิษณุโลก ร่วมกันจัดระเบียบการจอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนสิงหวัฒน์ ตั้งแต่หน้าศาลหลักเมือง/เชิงสะพานนเรศวร ถึงสี่แยกวัดคู (ทั้งสองฝั่งถนน) สำหรับประชาชนที่มาเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2563 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 8 – 19 มกราคม 2563 โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมให้บริการประชาชนที่มาเที่ยวงานฯ โดยไม่มีการจัดเก็บค่าบริการในการจอดรถทุกชนิดในพื้นผิวการจราจร และห้ามมิให้มีผู้ใดเรียกเก็บเงินค่าบริการจอดรถบนถนน หรือเรียกเก็บเงินรับผลประโยชน์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการจัดระเบียบการจอดรถเป็นอย่างดี
2. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 22.00 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดลำปาง และชุดจัดระเบียบสังคมฯ เข้าตรวจสอบสถานบริการฯ ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จำนวน 3 แห่ง ไม่พบการกระทำผิดกฎหมายที่สำคัญๆ พบแต่เพียงการจำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต จำนวน 1 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
3. เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 21.00 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตร และชุดจัดระเบียบสังคมฯ เข้าตรวจสอบสถานบริการฯ ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร จำนวน 2 แห่ง ไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย
4. เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 20.30 น. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุทัยธานี และชุดจัดระเบียบสังคมฯ เข้าตรวจสอบสถานบริการฯ ในพื้นที่อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 5 แห่ง ไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย
– 2 –
ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ด้านการจัดระเบียบสังคมในสถานบริการและสถานประกอบการ เพื่อให้เป็นการดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และมิให้เป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยใกล้เคียง สร้างความสุขและความปลอดภัยแก่ประชาชน อีกทั้งเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยให้แก่สังคมไทย
ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างจริงจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาตินั้น มีเหตุการณ์ในการปราบปรามที่สำคัญ ดังนี้.-
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพิษณุโลก และสัสดีอำเภอนครไทย ได้ร่วมกันตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 8 ราย ซึ่งเข้ามาประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บริเวณไร่อ้อย บ้านห้วยตีนตั่ง ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผลการปฏิบัติตรวจพบว่า บุคคลต่างด้าวดังกล่าวได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชการอาณาจักรเป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีเอกสารหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพหรือทำงาน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 06.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรแม่สอด ร่วมกันปฏิบัติงานอยู่ที่จุดตรวจ/จุดสกัด บ้านห้วยหินฝน บนเส้นทางสายแม่สอด – ตาก ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อยู่นั้น ได้เห็นรถยนต์กระบะสีขาวคันหนึ่ง ท้ายกระบะบรรทุกถังน้ำจำนวนหลายใบ มีลักษณะอันเป็นพิรุธ โดยผู้ขับขี่รถได้ใช้เส้นทางหลบเลี่ยงการผ่านจุดตรวจไปทางหลังเรือนจำชั่วคราว เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลัง ออกติดตามรถคันดังกล่าว จนกระทั่งไปทันที่ถนนใกล้ถึงศาลพะวอ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถ ผลการตรวจค้นพบ บุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 คน (เป็นผู้ชาย 4 คน และผู้หญิง 2 คน) ซ่อนตัวอยู่ในถังน้ำ ที่กระบะท้ายรถยนต์ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวคนขับรถพร้อมทั้งนำตัวคนต่างด้าวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมายต่อไป
ตามที่ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้มีนโยบายปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือด้วยการกระทำใดๆ อันเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สภาพป่า โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่นั้น มีรายละเอียดการดำเนินการปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่สำคัญในรอบสัปดาห์ ดังนี้.-
– 3 –
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 13.00 น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารได้รับข่าวสารจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มบุคคลลักลอบตัดไม้สักทำการแปรรูปไม้แล้วนำมาซุกซ่อนไว้ที่ กระท่อมร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่ บ้านแม่ลาก๊ะ ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงได้จัดกำลังจาก กองร้อยทหารพรานที่ 3602 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เมื่อไปใกล้ถึงที่กระท่อมหลังดังกล่าวได้เห็นกลุ่มคนประมาณ 3 คน วิ่งหลบหนีไปได้ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบ ไม้สักแปรรูป จำนวน 7 แผ่น (ปริมาตร 0.11 ลูกบาศก์เมตร) , รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน , อาวุธปืนแก๊ปยาว จำนวน 2 กระบอก และ ยาบ้า จำนวน 10 เม็ด อยู่ที่กระท่อมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนพร้อมทั้งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตาก ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตก.22 (โป่งแดง) , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองตาก และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ทำการตรวจสอบแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ตำบลโป่งแดง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนผ่าน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตาก ว่า ในปี พ.ศ.2545 หน่วยงานของรัฐได้ทำการสำรวจรังวัดที่ดินอันเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่มีราษฎรบางคนถือครองเพื่ออยู่อาศัยและทำกินอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งได้มีการออกหนังสืออนุญาตให้ราษฎรผู้นั้นมีสิทธิทำกิน (สทก.) ในพื้นที่นั้นๆ โดยไม่สามารถซื้อขายสิทธิหรือที่ดินได้ แต่ปรากฏว่าต่อมา มีการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่าเพิ่มเติมเพื่อถือครองเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ผลการตรวจสอบพบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุก เพิ่มเติม จำนวน 2 แปลง ดังนี้
1. แปลงที่ 1 มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมรวมแล้วเป็นเนื้อที่ประมาณ 221 ไร่เศษ มีนายพัน (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) อายุประมาณ 50 ปี เป็นผู้ถือครอง
2. แปลงที่ 2 มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมรวมแล้วเป็นเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่เศษ มีผู้หญิงไทย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) อายุประมาณ 35 ปี เป็นผู้ถือครอง
เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าวพร้อมทั้งดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตาก ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตก.22 (โป่งแดง) และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ที่บริเวณป่าหลังชุมชุนบ้านหนองมะค่า ตำบลโป่งแดง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก เนื่องจากได้รับข้อมูลทางการข่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาเรื่องของเอกสารสิทธิเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อยึดถือครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผลการตรวจสอบพบว่า มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุก จำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ 1 มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ส่วนแปลงที่ 2 มีเนื้อที่ประมาณ 142 ไร่เศษ โดยทั้ง 2 แปลง ยังไม่ทราบว่าผู้บุกรุกเป็นใคร เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
– 4 –
จากข้อมูลจากการระบาดของโรคไทรอยด์เป็นพิษ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ในห้วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมานั้น กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบสาเหตุ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นพบว่า เกิดจากการระบาดของโรคไทรอยด์เป็นพิษ จากอาหารที่ปนเปื้อนฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น เนื้อหมู และเนื้อไก่ เป็นต้น
ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism, Overactive Thyroid) คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากเกินไป ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแบบผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดปกติ เหงื่อออกง่าย และหงุดหงิด ฉุนเฉียว เป็นต้น ซึ่งอาการที่พบได้มากที่สุดในคนที่มีอาการไทรอยด์เป็นพิษก็คือ อาการคอพอก ซึ่งเป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์โตขึ้น จะรู้สึกหรือเห็นก้อนขนาดใหญ่ ที่บริเวณคอ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากโรคไทรอยด์เป็นพิษได้ เช่น
– อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ
– กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะบริเวณต้นขาและต้นแขน
– หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้ง/นาที โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
– มือสั่นตลอดเวลา
– มีอาการคัน ผิวหนังบาง เหงื่อออกมาก
– น้ำหนักลด แต่มีความอยากอาหารมากขึ้น
– คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว
– นอนหลับยาก
– มีปัญหาสายตา เช่น ตาโปน เห็นภาพซ้อน เป็นต้น
– สุขภาพผมเปลี่ยนไป ผมเปราะบางขาดง่าย และมีอาการผมร่วง
– ผู้หญิงมีรอบเดือนผิดปกติ ประจำเดือนมีสีจางและมาไม่สม่ำเสมอ
– อาจพบเต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้นในเพศชาย
แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน จึงได้ประสานงานให้ทุกภาคส่วน ให้ระมัดระวังเรื่องการประกอบเลี้ยงเป็นส่วนรวม ได้แก่ โรงเรียน, หน่วยทหาร, โรงพยาบาล, เรือนจำ หรือสถานที่ที่มีการประกอบเลี้ยงอาหาร กวดขันและกำกับดูแล การจัดซื้อเนื้อสัตว์และผักที่ใช้ในการประกอบอาหาร ต้องสะอาด และถูกสุขลักษณะทางโภชนาการ เพื่อเฝ้าระวังโรคไทรอยด์เป็นพิษ รวมทั้ง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนมากเกินไป และอาหารที่ปนเปื้อนฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ โดยเฉพาะบริเวณสันคอ เป็นต้น ซึ่งหากพี่น้องประชาชนมีอาการบ่งชี้ใกล้เคียงกับลักษณะโรคไทรอยด์เป็นพิษ ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยโรคและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป