พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์
วันนี้ (13 เมษายน 2563) เวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์ประสานการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาผลกระทบ โรค COVID – 19 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ แก่กลุ่มเป้าหมายที่ประกอบด้วย ตัวแทนบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในเขตเมืองยะลา และมูลนิธิกู้ภัย ได้แก่ มูลนิธิตุ้ยบ๋วยเต็งเนี่ยง(ศาลเจ้าแม่ทับทิม) มูลนิธิแม่กอเหนี่ยว (ฉื่อเซี่ยงตึ้ง) ยะลา มูลนิธิฮิลาลอะฮ์มัร ศูนย์ปฏิบัติการปัตตานี หน่วยกู้ชีพอิควะห์ รามัน หน่วยกู้ชีพ กูภัยวารี ปัตตานี มูลนิธิเมตตาธรรมนราธิวาส กู้ภัยมังกรปัตตานี มูลนิธิอำเภอเบตง มูลนิธิเพื่อการศึกษาและพัฒนามนุษย์ และสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน ยะลา เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานและบริการประชาชนช่วงสถานการณ์ COVID – 19 ในพื้นที่
โดยพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้มอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิมุสลิมสงเคราะห์, กระทรวงสาธารณสุข สถานกงสุลใหญ่จีน ประจำจังหวัดสงขลา โรงงานตัดเย็บผ้าสงขลา กลุ่มสตรี จชต. และกระทรวงอุตสาหกรรม ให้แก่ตัวแทนบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิของแต่ละจังหวัด อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในเขตเมืองยะลา และสมาคม มูลนิธิกู้ภัยเพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน พร้อมด้วยให้กำลังใจและสอบถามความห่วงใยในการปฏิบัติงานของผู้แทนที่เข้ารับมอบ เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยจิตอาสาฯ และอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยและบุคคลเสี่ยงซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนั้นหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ให้สัมภาษณ์ว่า จากการประสบปัญหาโรคโควิด 19 ทางรัฐบาลได้ทุ่มความพยายามมากมายเพื่อดูแลประชาชน โดยในช่วงแรกได้มุ่งเน้นดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด โดยได้พยายามหาเครื่องมือทางการแพทย์ไปเติมเต็มโรงพยาบาลหลักในพื้นที่ต่างๆ หลังจากนั้นหน่วยงานของรัฐทั้งหน่วยหลัก กระทรวงต่างๆ และภาคเอกชน ก็ได้เริ่มส่งความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล และอุปกรณ์อื่นๆ โดยวานนี้สถานกงสุลใหญ่จีนประจำจังหวัดสงขลา ได้มอบชุดป้องกันตนเองเพื่อกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยให้ ศอ.บต. เป็นผู้รับมอบ มีทั้งเครื่องวัดอุณหภูมิ ถุงมือ หน้ากากN95 และหน้ากากอนามัย ซึ่งรวบรวมเพื่อนำไปเติมเต็มการทำงานร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ จึงเห็นได้ว่าทุกส่วนเริ่มมีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการป้องกันตนเองในระดับหนึ่งแล้ว สำหรับวันนี้ได้ส่งต่อความช่วยเหลือไปยังส่วนที่ยังขาดอยู่ ประกอบด้วย อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บัณฑิตอาสาฯ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของ ศอ.บต. ที่ลงไปสำรวจข้อมูลในการคัดกรองต่างๆของทุกหมู่บ้าน และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน โดยที่ ศอ.บต. ร่วมบูรณาการและเป็นศูนย์ประสานงานเติมเต็มหน่วยราชการทุกหน่วยเพื่อการจัดการรับมือกับโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน รัฐบาลได้กำหนดแนวทางการกลับมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจนในพื้นที่ภาคใต้ ทั้ง 5 ช่องทาง วันละ 150 คน โดยจังหวัดได้เตรียมการไว้แล้ว ทั้งนี้มีจำนวนคนในเบื้องต้นประมาณ 7,000 – 8,000 คนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งมาตรการที่ดีที่สุดคือพี่น้องเหล่านั้นคงอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านไว้ก่อน ซึ่งเหตุผลสำคัญคือหากสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถทำงานต่อได้ทันที และหากเดินทางกลับมาแล้วสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้น ก็จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเพื่อนบ้านได้อาจจะส่งผลกระทบกับการประกอบอาชีพได้ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยก็ยังคงมีมาตรการในการดูแลคุณภาพชีวิตแม้จะอยู่ในต่างแดน
โดยได้หารือร่วมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สถานทูต สถานกงสุล ภาคประชาสังคม และผู้ประกอบการที่มีประธานกลุ่มต่างๆในทุกรัฐ เร่งดำเนินการลงทะเบียนเพื่อนำรายชื่อเข้าช่วยเหลือในลำดับต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะฯมีความห่วงใยประชาชนที่ยังคงอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยได้กำชับมายัง ศอ.บต. ว่าต้องดูแลให้ดีที่สุด ทั้งในส่วนที่เดินทางเข้ามาในประเทศและในส่วนที่ยังคงอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งภายในสุดสัปดาห์นี้ ศอ.บต. จะดำเนินการเข้าไปเสริมเติมเต็มโครงการตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยการให้งบประมาณในเรื่องของถุงยังชีพ อาหารปรุงสด และอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านสภาสันติสุขตำบล และในขณะเดียวกันจะหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับการยืนยันจากทางการของประเทศมาเลเซียว่า หากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยก็จะสามารถหยุดการเคลื่อนย้ายของคนกลุ่มนี้ในการข้ามแดนกลับมายังฝั่งไทยได้
นอกจากนี้ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวยืนยันตามคำแถลงของ มท.2 ถึงข่าวลือว่าจะมีจำนวนคนทะลักเข้ามาในพื้นที่กว่าแสนคนในการเปิดด่านวันที่ 18 เมษายนนี้ว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งจากการทำงานมาหลายอาทิตย์ ทางสถานทูตได้เปิดการลงทะเบียนออนไลน์และการให้มารายงานตัวด้วยตนเอง รวมถึงให้ภาคประชาสังคมและประธานกลุ่มอาสาสมัครคนไทยในต่างแดนลงพื้นที่สำรวจ พบว่าตัวเลขที่ยืนยันมีจำนวนไม่เกิน 8,000 คน หากสามารถควบคุมการเคลื่อนย้ายของคนได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งในส่วนตามแนวชายแดนเส้นทางธรรมชาติทาง กอ.รมน. ได้ดำเนินการดูแลอย่างเต็มที่ จึงคิดว่าจากความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะสามารถทำให้สถานการณ์ต่างๆ เบาบางและคลี่คลายลงได้