ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวรวบมือเผาป่า สั่งลงโทษหนัก และขยายผล พร้อมงัดมาตรการ พ.ร.ก.ฉุนเฉิน ออกมาใช้ กับผู้ต้องหาลักลอบเผาป่า จำนวน 3 รายที่ถูกจับกุม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องศาลฯ
เชียงใหม่ /ที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , พลตรี สืบสกุล บัวระวงศ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 และพลตำรวจตรี พิเชษฐ จิระนันตะสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ ได้เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองราย พร้อมแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักลอบเผาป่า จำนวน 2 ราย รายแรก คือ นายประดิษฐ์ ทองเหลือ อายุ 60 ปี ชาวอำเภอแม่ริม โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการลาดตระเวน ได้พบผู้ต้องหาบริเวณแนวป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลาแม่แสะ อำเภอแม่แตง ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยพบอาวุธปืนยาว เครื่องกระสุน และไฟแช็ค 1 อัน จึงได้นำควบคุมตัวมาสอบสวน ซึ่งพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันที่เจ้าหน้าที่ได้พบและว่ากล่าวตักเตือนกรณีเข้ามายังพื้นที่ป่าไปก่อนหน้านี้ แต่ยังเพิกเฉยฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และลักลอบเข้าพื้นที่ป่า ซึ่งเจ้าตัวสารภาพว่าเข้าป่ามาเพื่อหาของป่าล่าสัตว์ โดยนายประดิษฐ์ ให้การว่า แค่เข้าไปเที่ยวในป่า ส่วนไฟแช็คก็มีไว้เพื่อสูบบุหรี่เท่านั้น ขณะเข้าไปในป่าและกำลังสูบบุหรี่ก็เห็นไฟลุกไหม้ป่าแล้ว
ส่วนรายที่ 2 คือ นายเปา เลาหาง อายุ 53 ปี ชาวอำเภอเชียงดาว โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา พร้อมด้วยชุดลาดตระเวน และกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 ได้เข้าลาดตระเวนพื้นที่ป่าเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เละเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน โดยทำการดักซุ่มสังเกต จนพบนายเปา พร้อมอุปกรณ์มีดและไฟแช็ค กำลังสุมเผากองไม้ บริเวณป่าทิศตะวันออกบ้านห้วยลึก ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว ตรวจสอบพบพื้นที่ป่าเสียหายประมาณ 3 ไร่ จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดี เจ้าตัวรับสารภาพแผ้วถางเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 ราย คือ นายเรวัต สิงห์คำ อายุ 42 ปี ที่ควบคุมตัวไปดำเนินคดีก่อนหน้านี้แล้ว โดยจับกุมได้บริเวณบ้านลีซูใหม่สัมพันธุ์ ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว พร้อมของกลาง เป้ 1 ใบ น้ำผึ้งป่า 6ขวด และไฟแช็ค 1 อัน หลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเกิดจุดความร้อนในพื้นที่จึงเข้าไปลาดตระเวน กระทั่งพบนายเรวัติ เดินออกมาจากป่าจึงควบคุมตัวไว้พร้อมของกลาง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย แยกเป็น ข้อหาเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้และสัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่เรื่องกำหนดเขตการควบคุมการเผาในที่โล่งทุกชนิดฯ และข้อหาฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องศาลฯ สำหรับ การดำเนินคดีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาและดำเนินคดีรวมวันนี้อีก 3 คดี เป็น 31 คดี สามารถขยายผลจากในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย 4 คดี สถานีตำรวจภูพิงคราชนิเวศน์อีก 3 คดี รวมทั้งสิ้น 38 คดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ลักลอบเผาป่าทุกราย โดยจะมีการขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายอื่นๆ เพิ่มเติม สำหรับคดีที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ตำรวจกำลังเร่งรวบรวบพยานหลักฐานขอให้ทางพนักงานสอบสวนเพิ่มโทษในข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน การห้ามออกจากเคหะสถานในเวลาที่กำหนดด้วย และต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และตรงจุดนี้ก็จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้สาธารณะชนได้รับทราบและเห็นว่าจุดความร้อนหรือ Hot Spot ที่เกิดขึ้นพวกเราทำกันอย่างเต็มที่ทั้งควบคุมไฟ ดับไฟ ลาดตระเวน แม้ไฟจะดับแล้วก็ยังต้องเฝ้าระวังอีกเพื่อไม่ให้ไฟมันคุขึ้นมาได้อีก
ปีนี้จุดความร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่ป่า ภูเขาสูงชันค่อนข้างมาก ทางเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันลำบาก ต้องเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ ต้องไปกิน นอนเฝ้าระวัง กว่าจะดับไฟได้แล้วก็ต้องระวังไม่ให้ไฟคุขึ้นมาอีก เพราะบางจุดที่เป็นหุบเขา โอกาสที่ลมพัดให้ไฟที่ไหม้ตอคุแล้วเกิดสะเก็ดไฟปลิวไปติดใหม่ก็มีขึ้นอีก จึงได้ระดมกำลังทั้งทางบก ซึ่งก็มีทั้งกำลังจากป่าไม้ อุทยาน ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ที่ลืมไม่ได้คือประชาชนจิตอาสา ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าว.
***********************
นิวัตร ธาตุอินจันทร์ เชียงใหม่