วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 2564 (2021)
นักเรียกร้องประชาธิปไตยที่มีชื่อเสียง อินโดนีเซียคือ ซูการ์โน (#Sukarno) ผู้นำคนสำคัญเพื่อต่อต้านเจ้าอาณานิคมฮอลันดา ในขณะที่ประเทศเมียนมาร์ #อองซานซูจี เรียกร้องประชาธิปไตยจากอังกฤษ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง (#MartinLutherking) นักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ส่วนอินเดียที่หลายคนรู้จักกันดีคือ มหาตมะ คานธี (#MahatmaGandhi)
#วันนี้ในอดีตเมื่อ 152 ปีที่แล้วตรงกับวันที่ 2 ตุลาคม 2412 วันเกิด #มหาตมะ_คานธี (Mahatma Gandhi) มหาบุรุษ นักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและเอกราชของอินเดีย มีชื่อเต็มคือ โมฮันทาส การามจันทร์ คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi) เกิดที่จังหวัดโพรบันดาร์ (Porbandar) รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย ในวรรณะแพศย์ (พ่อค้า) บิดาเป็นข้าราชการ มารดาเป็นแม่บ้านที่เคร่งศาสนา
คานธีแต่งงานตั้งแต่อายุ 13 ปี ตามธรรมเนียมของชาวฮินดูในสมัยนั้น ในวัยเด็กเขาไม่ใช่คนเรียนเก่ง หรือมีความสามารถพิเศษอย่างปรากฏใดชัดเจน ญาติ ๆ จึงแนะนำให้เขาไปเรียนที่อังกฤษ (ประเทศเจ้าอาณานิคมของอินเดียสมัยนั้น) เพื่อโอกาสก้าวหน้าทางการงานในอนาคต
คานธีเดินทางไปอังกฤษในวัย 18 ปี เข้าเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน (University College London) เรียนจบแล้วกลับอินเดีย ก่อนจะเดินทางไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมายที่ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ที่ชาวอินเดียอพยพไปทำงานกันมาก
ที่นี่เขาได้พบประสบการณ์เหยียดสีผิวตั้งแต่วันแรกๆ ที่ไปถึง คือซื้อตั๋วรถไฟชั้น 1 แต่ถูกขับไล่ให้ไปนั่งชั้น 3 แต่เขาไม่ยอม จึงถูกจับโยนลงจากรถไฟ ความอับอายครั้งนั้นกลายเป็นตัวจุดประกายให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงสังคม จากนั้นเขาก็จัดชุมนุมชาวอินเดีย อันนำไปสู่การเรียกร้องสิทธิของชาวอินเดียในแอฟริกาใต้
เมื่ออังกฤษออกกฎหมายห้ามชาวฮินดูแต่งงานกับมุสลิม คานธีได้กล่าวปราศรัยโจมตีกฎหมายฉบับนี้ จนเกิดการประท้วงในวงกว้างทั่วแอฟริกาใต้ ทำให้กฎหมายฉบับนี้ถูกยกเลิกไปในที่สุด
คานธีกลับอินเดียในปี 2458 ขณะนั้นชาวอินเดียสิ้นหวังที่จะเป็นอิสระจากอังกฤษ แต่คานธีพยายามปลุกระดมชาวอินเดียให้ลุกขึ้นเรียกร้องเอกราช
เมื่อเกิดการสังหารหมู่ชาวอินเดียที่อำมริสาในปี 2462 ชาวอินเดียรู้สึกโกรธแค้นมาก อยากจะแก้แค้นคืน แต่คานธีได้กล่าวปราศรัยให้ประชาชนเปลี่ยนความโกรธเป็นการให้อภัย จนกลายเป็นหลัก “อหิงสา” หรือ “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha)
จากนั้นก็หาวิธีต่อต้านอังกฤษ โดยการปฏิเสธกฎหมายอังกฤษที่ไม่เป็นธรรม เช่น กฎหมายผูกขาดเกลือ ซึ่งคานธีนำชาวอินเดียนับแสนเดินทางไกลไปผลิตเกลือที่เรียกว่า”ซอลท์ มาร์ช” (Salt March) ในปี 2473
นอกจากนั้นเขายังชวนให้ชาวอินเดียนำเสื้อผ้าของอังกฤษมาเผาไฟ แล้วหันไปสวมเสื้อผ้าพื้นเมือง คานธีทำเป็นตัวอย่างโดยการปั่นด้ายเองและนุ่งผ้าฝ้ายพื้นเมืองเนื้อหยาบ สวดมนต์และปฏิบัติธรรมเป็นกิจวัตร
คานธีถูกจับขังคุกหลายครั้ง โดยไม่ขอประกันตัว ในที่สุดท่ามกลางกระแสกดดันจากนานาชาติ อังกฤษจึงยอมคืนเอกราชให้อินเดียในวันที่ 14 สิงหาคม 2490
ส่วนชาวมุสลิมแยกออกไปตั้งประเทศปากีสถาน จนเกิดความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับมุสลิม มีการปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิตกว่า 5 แสนคน คานธีออกมาประท้วงโดยการอดอาหาร แต่พวกหัวรุนแรงทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยกับคานธีที่ต้องการรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว
ในที่สุดก็ถูกลอบสังหารโดย นาธุราม กอดเส (Nathuram Godse) ชาวฮินดูหัวรุนแรงซึ่งเชื่อว่าคานธีสนับสนุนฝ่ายอิสลาม ขณะเดินทางไปสวดมนต์ที่กรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2491 ขณะอายุได้ 78 ปี
ประชาชนนับล้านร่วมไว้อาลัยในพิธีศพซึ่งจัดขึ้นยาวนาน 13 วัน คานธีคือผู้นำในการเรียกร้องอิสรภาพของอินเดียคืนจากอังกฤษ โดยใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง และยึดมั่นอยู่บนหลักอสิงหา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของการประท้วงอย่างสันติของคนทั่วโลก
ภาพ : ข่าว : Internet #KasemLimaphan #Guru_sanook #สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย #บินหลาหาข่าว