หรือภาคใต้คือ”ขุมทรัพย์” ของ”ดีเอสไอ,ศุลกากร”และ”สรรพสามิต” จาก”ส่วนกลาง” ปัญหาการ”ทับซ้อน”ของการใช้”การใช้”กฎหมาย” จะทำอย่างไร

หรือภาคใต้คือ”ขุมทรัพย์” ของ”ดีเอสไอ,ศุลกากร”และ”สรรพสามิต” จาก”ส่วนกลาง” ปัญหาการ”ทับซ้อน”ของการใช้”การใช้”กฎหมาย” จะทำอย่างไร

 


กรณีที่”ชายนอกเครื่องแบบ” ซึ่งเข้าตรวจค้น”ร้านขายของชำ” ที่มีการขาย” เหล้า” และ “บุหรี่” หลบหนีภาษี ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และมีการ”เรียกร้อง” เป็นเงิน 40.000 บาท ในการไม่แจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย มีการ”ต่อรอง”กันจนสุดท้ายมีการ”จ่ายสินบน” ด้วยการ”โอนเงินเข้าบัญชี” จำนวน 12,000 บาท และนำเงินสดอีก 5,000 บาทไปใส่ไว้ในรถยนต์ของ”ชายนอกเครื่องแบบ” จำนวน 4-5 คน ซึ่ง หลังการ”จ่ายสินบน”แล้ว เจ้าของร้านค้า ได้มีการตรวจสอบกับ “กรมสรรพสามิต” และพบว่า “คนนอกเครื่องแบบ” กลุ่มนี้ หลังจากเกิดเรื่อง และมีการตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็น”เจ้าหน้าที่สรรสามิต” ที่เป็นหน่วยที่เดินทางมาจาก”ส่วนกลาง” และหลังจาก”เรื่องแดงขึ้น” “ ชายนอกเครื่องแบบ”กลุ่มนี้ ก็มีการ”ข่มขู่” จะนำเนินคดีกับเจ้าของร้าน มีการขอให้”ลบภาพ” ใน”โทรศัพท์มือถือ” และ”ขอ”คืนเงิน” แต่ เจ้าของร้าย ไม่ยอม มีการ”กู้ภาพ” จาก”กล้องวงจรปิด” และนำไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้


และในเวลาที่ไม่ห่างกัน เจ้าหน้าที่” ดีเอสไอ” จาก”ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็ได้เข้า”จับกุม” ร้านขายบุหรี่หลบหนีภาษีในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งมีอยู่หลายแห่ง และสามารถยึดบุหรี่หลบหนีภาษี ซึ่ง”ดีเอสไอ” แถลงข่าวว่า มีมูลค่าของกลางกว่า 10 ล้านบาท
ประเด็นที่จะกล่าวถึงคือ กรณีของ”ชายนอกเครื่องแบบ” ที่เป็น”เจ้าหน้าที่สรรพสามิตส่วนกลาง” ที่มีการ”ปฏิบัติการ” เข้าตรวจค้นจับกุม และเรียก”รับเงิน” จากผู้ที่ทำผิดกฎหมายเรื่องสินค้าหลบหนีภาษี มีการเกิดขึ้นบ่อย ทั้งใน”ส่วนกลาง” และในส่วน”ภูมิภาค” หรือ”ต่างจังหวัด” ที่ตกเป็น”ข่าว” เป็น”ส่วนน้อย” แต่ที่ เจ้าหน้าที่ได้เงินเข้า”กระเป๋า”ไปอย่าง”เหนาะๆ” โดยไม่เป็น”ข่าว” มีจำนวนมาก เพราะคนที่”ทำผิด” ยินยอมที่จะ”จ่าย” เพื่อให้”จบ” ปัญหา เพราะรู้ว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย และ”ยอมจ่าย” เพื่อการ”ทำมาหากิน” ต่อไป และนี่คือ”สาเหตุ” ที่ทำให้”เจ้าหน้าที่” จาก”ส่วนกลาง”ของ”กรมสรรพสามิต” มีความ”ย่ามใจ” จึงมีการทำเป็น”ขบวนการ” ทั้งการตรวจค้นและ”ตบทรัพย์” ใน”หน้างาน” และการเรียก”เก็บส่วย” จาก”ร้านค้า” ที่ จำหน่าย “เหล้า-บุหรี่” หลบหนีภาษี เป็น”รายเดือน”


โดยข้อเท็จจริง กรรมสรรพสามิต มี หน่วยงานใน”ภูมิภาค” อยู่แล้ว ในระดับภาคก็มี” ผู้อำนวยการภาค” ในภาคใต้ก็มี ผอ.สรรพสามิตภาค 8 และภาค 9 ในระดับจังหวัดมี “สรรพสามิตจังหวัด” ในระดับอำเภอก็มี”สรรพสามิตอำเภอ” และ ยังมี ผอ.ส่วนปราบปราม มี หัวหน้าสายตรวจ และ อื่นๆ มากกมาย เพื่อการ”ปฏิบัติหน้าที่” ในการ ตรวจค้น จับกุม ผู้ที่ทำผิดกฎหมายอย่าง”เพียงพอ”
จึงมีความสงสัยที่อยากถาม”กรมสรรพสามิต” ว่า หน่วยงานใน”ภูมิภาค” ที่มีอยู่ ยังไม่เพียงพอในการ ป้องกัน ปราบปราม หรืออย่างไร จึงต้องมี เจ้าหน้าที่จาก”ส่วนกลาง” เพื่อ ปฏิบัติหน้าที่”ซ้ำซ้อน” กับ หน่วยงานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นการ”สูญเสียงบประมาณ” ที่ไม่จำเป็น และที่สำคัญ ไม่คุ้มค่ากับความ”เสียหาย” จาก กรณี ที่เป็น”ข่าว” การ”ตบทรัพย์” และ”เรียกรับสินบน” จาก “พ่อค้า” และ”นายทุน” ผู้ ทำการค้า “เหล้า-บุหรี่” หลบหนีภาษี ที่มีอยู่จำนวนมากของภาคใต้


หรือ กรมสรรพสามิต ไม่ไว้วางใจ เจ้าหน้าที่ “สรรพสามิต” ที่ มีอยู่ในพื้นที่ หรือ “กรมสรรพสามิต “ มี นโยบายที่จะให้ เจ้าหน้าที่ “สรรพสามิต” ส่วนกลาง “แสวงหารายได้” ทั้ง”ทางตรง” และ”ทางอ้อม” ทั้งเป็นรายได้ของกรมฯและเป็นรายได้”ส่วนตัว” จากการ”ตบทรัพย์” และการ”เก็บส่วย” รายเดือน
และที่สำคัญ”ตรวจค้นจับกุม” แบบ”เลือกปฏิบัติ” เช่น ตรวจค้น จับกุม รัานค้าของ”นาย ก.” แต่ละเว้นไม่ ตรวจค้น จับกุม”ร้านค้าของนาย ข.” ทั้งที่ ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกัน ประเด็นนี้ กรมสรรพสามิต ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า ทำไม่จึงมีการ”เลือกปฏิบัติ” หรือ ร้านที่ไม่ถูกจับกุม มีการ”เคลียร์เส้นทาง” ด้วยการ”จ่ายส่วย” เป็น”รายเดือน” ให้กับ เจ้าหน้าที่จาก”ส่วนกลาง”แล้ว ส่วนร้านที่ถูก”จับกุม” เพราะยังไม่ได้”ส่งส่วย” อย่างนั้น ไม่ หรือ ไม่ นี่เป็น คำถาม ไม่ใช่การ”กล่าวหา” แต่อย่าใด
ซึ่งเป็น เช่นเดียวกับ”กรมศุลกากร” ที่ในภูมิภาคในหน่วยงานของ”กรมศุลกากร”เต็มไปหมด เช่น ศุลการกรภูมิภาคที่ 4 และที่ 5 ในภาคใต้ มีหน่วย”ทักษิณ 10 ที่ตั้งอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีด่านศุลกากรในพื้นที่ อำเภอ จังหวัด ที่มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย มี ศุลกากรในจังหวัดที่ติดกับฝั่งทะเล ฯลฯ


แต่ กรมศุลกากร กลับส่ง เจ้าหน้าที่จาก “ส่วนกลาง” เข้ามา”ปฏิบัติหน้าที่ซ้ำซ้อน” กับ เจ้าหน้าที่ “ศุลกากร” ที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ในแต่ละพื้นที่ และที่สำคัญ”เป้าหมาย” ที่ “ศุลกากร” จาก”ส่วนกลาง” เข้า ตรวจค้น จับกุม ก็เป็น”เป้าหมาย” เดียวกัน กับ ศุลกากร” ในพื้นที่ เข้า ตรวจค้น จับกุม
เป็นการสูญเสีย”บุคลากร” และ”รายจ่าย” โดยใช่เหตุ ซึ่งก็เป็นลักษณะเดียวกับ”กรมสรรพสามิต” ที่ชวนให้สงสัยว่า กรมศุลกากร ไม่เชื่อ เจ้าหน้าที่ในภูมิภาค จึงต้องส่ง เจ้าหน้าที่จาก”ส่วนกลาง” มา”ตรวจสอบ” หรือไม่ก็เป็น”ช่องทาง” ในการ ตั้งหน่วยงานจาก”ส่วนกลาง” เพื่อ”หาผลประโยชน์” จากการ”ตบทรัพย์” และการ”เก็บส่วย” รายเดือน ที่ “นายทุน” และ “ร้านค้า” ที่มีการ ขายเหล้า และ บุหรี่ หลบหนีภาษี “โวยวาย” กันให้”ขรม” ว่า เป็นการ”เก็บส่วย” ที่ “ซ้ำซ้อน” ทั้งที่มาจาก”กรมเดียวกัน” และที่เหมือนกันของ “เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง” ทั้งจาก”กรมศุลกากร” และ”กรมสรรพสามิต” คือการ”เลือกปฏิบัติ” จับนาย ก” แต่ไม่จับ”นาย ข” ทั้งที่ ทำการค้าสินค้าผิดกฎหมายเหมือนกัน อยู่ในพื้นทีเดียวกัน ประเด็นนี้”กรมศุลกากร” ก็ต้องชี้แจงเหมือกันว่า ทำไม่จึงเป็นเช่นนี้
ส่วนของ”ดีเอสไอ” ที่มีการตั้ง สำนักงานใน จ.ปัตตานี และใช้ชื่อว่า”ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้” ก็ขอถาม”อธิบดี”ของ”ดีเอสไอ” ว่า การ”จับบุหรี่เถื่อน” ในร้านค้าบุหรี่ เป็น”คดีพิเศษตรงไหน” เพราะเรื่องของการขาย”บุหรี่หนีภาษี” มีอยู่ทุก”หนแห่ง” ในประเทศไทย” กรุงเทพฯ มี เชียงใหม่ มี ขอนแก่น มี “ ส่วนในภาคใต้ มีทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เอาแค่ อ.เมือง ปัตตานี เขตเทศบาลนครยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีร้านค้าที่ขาย”บุหรี่หลบหนีภาษี”ไม่ต่ำกว่า อำเภอละ 20 ร้าน จึงถามว่า เป็น”คดีพิเศษ”ตรงไหน ที่สำคัญ เรื่อง”เหล้า-บุหรี่” มีหน่วยงานที่”จำเพราะ” อย่าง”สรรพสามิต” และ “ศุลกากร” ทำหน้าที่หลัก อยู่แล้ว


คดี พิเศษ ที่ ดีเอสไอ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ควรทำ คือคดีที่เกี่ยวกับ”ความมั่นคง” เช่น คดีการก่อการร้าย แบ่งแยกดินแดน เรื่องการ”ก่อวินาศกรรม” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นเรื่องที่”ดีเอสไอ” ต้อง แสดง”ฝีมือ” ไม่ใช่”ยกพล”ไป”จับร้านขายบุหรี่” เรื่องการ”ยิงถล่ม” ที่ทำการ”ตำรวจน้ำ” ที่ ต.ตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นเรื่อง”คดีพิเศษ” ที “ดีเอสไอ” ต้อง ดำเนินการ ติดตาม”สืบสวน” และ”จับกุม” คนร้าย” มาลงโทษ เพราะ คดีนี้” บีอาร์เอ็น” ปฏิเสธ” ว่าไม่ได้ทำ และ กลุ่มที่ อยู่เบื้องหลัง คือกลุ่ม”นายทุน” ค้า”บุหรี่หนีภาษี”ที่ “ดีเอสไอ” มีส่วนในการ”จับกุม” หรือไม่ คดีอย่างนี้ คือ”คดีพิเศษ” ที่ “ดีเอสไอ” ต้องช่วย ตำรวจ ในพื้นที่
หรือไม่ก็เรื่อง”ยาเสพติด” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี”กลุ่มทุน” ที่เป็น”นักการเมือง” และ”คนมีสี” จำนวนมาก อยู่ใน”กลุ่มก๊วน” การ”ค้ายาเสพติด” โดยการร่วมมือกับ”ต่างชาติ” รวมทั้งเรื่อง ขบวนการค้า”น้ำมันเถื่อน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ คดีอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของ”อิทธพล” เป็นเรื่อง”ผลประโยชน์” ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ มีแต่ ข่าว “ดีเอสไอ” จับ”บุหรี่หนีภาษี” ที่เป็นข่าว”รูทีน” ให้เห็นอยู่ทุก สัปดาห์ ทุกเดือน เพราะมันไม่สม”ศักดิ์ศรี” ของหน่วยงานที่ชื่อว่า”ดีเอสไอ” หรือ “ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพราะ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ไม่ได้แค่เรื่อง”บุหรี่หลบหนีภาษี”ให้”จับกุม”เพียงอย่างเดียว และที่สำคัญการ”จับกุม” บุหรี่หนีภาษี”เหมือนการ”จับหมูในอวย” คดีอย่างนี้ถ้าจะ”พิเศษ” ก็เป็นตรงนี้เอง
ก็เหมือนกับการที่”ดีเอสไอ” จับกุม”บุหร่เถื่อน”ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันก่อน คนในพื้นที่เขาสงสัยว่า เป็นเรื่อง”คนมาใหม่” ต้องการ”โชว์พราว” หรือเป็นเรื่อง”ผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว” เพราะคนใน”ยะลา” เขารู้กันทั้งเมืองว่า มีการขายบุหรี่หนีภาษีในพื้นที่มากมายมาโดยตลอด แต่ไม่เคยมีการ”จับกุม” รวมทั้งคนใน”วงใน” ก็รู้ว่า “ใคร” ที่ ดูแลเรื่อง”ผลประโยชน์”ของการค้า”บุหรี่หนีภาษี” ใน จ.ยะลา ดังนั้นการที่”ดีเอสไอ” จับกุม”บุหรี่หนีภาษี” ครั้งนี้ จึงมี”กลิ่นทะแม่งๆ”ว่าเป็นเรื่องการ”พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ” จริงหรือไม่
อ่านแล้ว ก็”พิจารณา”กันเอาเองว่า การกระทำของ”กรมสรรพสามิต-กรมศุลกากร” และ”ดีเอสไอ” มีผลประโยชน์ที่”ทับซ้อน” หรือไม่ เป็นการตั้ง หน่วยจากส่วนกลาง เพื่อ”เก็บเกี่ยว” ผลประโยชน์ให้”หมู่คณะ” หรือไม่ เพราะ”ภาคใต้” วันนี้คือ”ขุมทรัพย์”ที่ทุกหน่วยงานต่าง”แย่งชิง”
โดยเฉพาะในเดือน ธันวาคม ที่เป็นเดือนสุดท้ายของปี ติดตาม”ปฏิบัติการ”ของ เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยให้ดี เพราะจะมีการ”แย่งกันตีเมืองขึ้น” หลังการ”โยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่ง” และแย่งกัน”จับกุม” กลุ่มผู้ทำผิดที่เป็น”เป้าหมาย”เดียวกัน” เพราะ ต้องหา”ของขวัญปีใหม่ของนาย” ไหนจะ”ของขวัญปีใหม่ของเมีย” และการ”ฉลองปีใหม่หน่วย” ต่างเป็นเงินที่มีการ”รีดนาทาเร้น” จาก”นายทุน” และ”ร้านค้า” เหล้า และ บุหรี่ ในพื้นที่ภาคใต้ทั้งสิ้น

ไชยยงค์ มณีพิลึก

Related posts