รายงานพิเศษ สนธิกำลัง” เข้าตรวจสอบ  การดำเนินการในอุตสาหกรรม” บ่อดิน-บ่อทราย “ ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.สงขลา

รายงานพิเศษ สนธิกำลัง” เข้าตรวจสอบ  การดำเนินการในอุตสาหกรรม” บ่อดิน-บ่อทราย “ ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.สงขลา

หลายวันก่อน เห็นข่าว หน่วยงาน DSI สำนักงานภาคใต้ รวมกับหลายหน่วยงานต่างๆ   อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท.) และหน่วยที่เกี่ยวกับ”ทรัพยากรธรรมชาติ” ได้มีการ”สนธิกำลัง” เข้าตรวจสอบ  การดำเนินการในอุตสาหกรรม” บ่อดิน-บ่อทราย “ ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.สงขลา เช่นที่ อ.จะนะ –เทพา” เพื่อตรวจสอบ “เอกสาร” ใบอนุญาต ว่าเป็นการทำตามที่”กฎหมาย” ได้กำหนด และในพื้นที่ซึ่งได้ขอ”อนุญาต” หรือไม่

ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอาจจะมี”นายทุน” บางกลุ่ม บางคน ที่เป็นผู้มี”อิทธิพล” อาจจะใช้”อิทธิพล” ในการ”ลักลอบ”ขุดดิน –ขุดทราย” ซึ่งเป็น”ทรัพยากร” ไปขาย เพื่อสร้างความ”มั่งคั่ง” ให้กับตนเอง เพราะประเทศนี้ ภายใต้การ”บริหาร” ของ”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เต็มไปด้วยกลุ่ม”คนสีเทา” และ”ทุนสีเทา” ทั้ง”ต่างชาติ” และ”คนไทย” เต็มไปหมดทั้งแผ่นดิน

รวมทั้งเป็นเรื่องที่ดีที่”DSI” จะได้ ทำงานที่เป็น”คดีพิเศษ” แทนที่จะ “หมกมุ่น” อยู่กับการ จับกุม “บุหรี่ลักลอบหนีภาษี” และ”สุราลักลอบหนีภาษี” เป็นด้านหลัก ทั้งที่มี “สรรพสามิต” และ”ศุลกากร” ทำหน้าที่หลักอยู่แล้ว

แต่ จากการเข้าตรวจสอบ “บ่อดิน-บ่อทราย” ก็ไม่พบว่า มีการทำผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะในข่าวที่มีการ”รายงาน” มายัง”สื่อ” เพียงกล่าวว่า ได้มีการ”ตรวจสอบ” แต่ไม่ได้ระบุว่า มี “บ่อดิน-บ่อทราย” ที่ไหน ที่ทำผิด ทั้งที่ในความเป็นจริง” มี”บ่อทราย” ที่ไม่ถูกต้อง ใน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งล่าสุด “นายกชาย”นาย เดชอิศม์ ขาวทอง สส.เขต 5 สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ ออกมา แจ้งเตือน ให้”นายทุน” หยุดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ในฐานะที่ “นายกชาย” เป็นผู้ก่อตั้งหน่วยงานเพื่อการ”ทวงคืนเอกราชสิ่งแวดล้อม” ของ จ.สงขลา แต่ ไม่เห็นข่าวว่า”ดีเอสไอ” และ” ป.ป.ท.” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่”รัตภูมิ” เพื่อการ”ตรวจสอบ”แต่อย่างใด

ที่ สำคัญ” ป.ป.ท.” มีหน้าที่โดยตรงที่ระบุชัดเจนว่า ป.ป.ท. มีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ โดยการจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบาย และแผนพัฒนาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กำกับและตรวจสอบ เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ ติดตามและรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับการทุจริตในภาครัฐ

แต่ ปรากฏว่า สิ่งที่ ป.ป.ท. ไปดำเนินการ ในเรื่อง”บ่อดิน-บ่อทราย” เป็นเรื่องของ”เอกชน” ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ”ทุจริต” ของภาครัฐ  แต่อย่างใด ก็ไม่ว่ากัน เพราะในการทำ อุตสาหกรรม “บ่อดิน-บ่อทราย” อาจจะมี เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็น”ภาครัฐ” มรส่วนร่วมในการ”ทุจริต” อยู่ด้วย

ความจริง ณ วันนี้การ”ทุจริต” ในภาครัฐ หรือ “เจ้าหน้าที่”ร่วมหัวกับ”นายทุน” กลุ่ม”ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มีการ”ทุจริต” กันมากมาย ซึ่งมี”พลเมืองดี” ส่ง”จดหมาย” มายัง”สื่อ” แจ้ง”เบาะแส” ให้”สื่อ” ช่วย”ตีแผ่” การ”ทุจริต”ในโครงการต่างๆ ที่มาเป็นอันดับหนึ่ง ใน จ.สงขลา และ”ภาคใต้” คือ โครงการของชลประทาน และที่ มีการร้องเรียนเป็นอันดับ 2 คือ แขวงทางหลวง และ ทางหลวงชนบท ซึ่งรับผิดชอบในโครงการ ก่อสร้าง ถนน หนทาง

เช่น โครงการ”อ่างเก็บน้ำ” ที่ ต.ทุ่งขมิ้น อ.นาหม่อม จ.สงขลา ที่มีการเรียกร้องให้”ตรวจสอบ” ว่าในการก่อสร้าง มีการ”ขุดดิน” ที่ไม่เป็นไปตาม”สัญญาจ้าง” โดยขุดแต่ทรายเพื่อไปขาย ในส่วนของดินไม่ได้ขุดให้ถูกต้องตามสัญญา เป็น”ก้นอ่าง” ที่”ลุ่มๆดอนๆ  ซึ่งถ้าเป็นจริงตามที่”พลเมืองดี” ร้องเรียนมา กรมชลประทาน  ผู้รับเหมา และ กรรมการตรวจรับ ต้องร่วมกันรับผิดชอบ

และอีกโครงการที่มีการ”ร้องเรียน” ขอให้”ตรวจสอบคือ” โครงการ “ถนนเรียบคลอง ร. 1  ในพื้นที่ของ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่มีผู้สังเกตและพบว่า ใน” สัญญาจ้าง” เป็นการ “บดอัดด้วยหินคลุก” แต่ในการ”ทำจริง” เป็นการใช้” ลูกรัง” ในการ”บดอัด” เท็จจริงอย่างไร ป.ป.ท. ควรจะทำการ ตรวจสอบ

และอีกโครงการหนึ่ง ที่มีการ”ร้องเรียน” ต้องการให้”ตรวจสอบ” คือ “คูระบายน้ำ” ที่ก่อสร้าง”แทนเกาะกลาง” ถนนสาย”หาดใหญ่-จะนะ ที่มีผู้ให้ข้อมูลว่า ตามสัญญาจ้าง ผู้รับเหมา ต้องเทคอนกรีตหนา 10 ซม. ผู้ร้องอย่าให้ หน่วยงานที่รับผิดชอบ มีการ ตรวจสอบ ว่า ความหนาของคอนกรีต ได้ 10 ซม. ตามสัญญา หรือไม่

และ ที่สำคัญ ถ้า ป.ป.ท. มีหน้าที่ในการ ป้องกันปราบปรามการทุจริตของภาครัฐอย่าง”จริงจัง” ให้ไป”ตรวจโครงการ “ถนน “ แล”ชลประธาน” ทุกโครงการ ตั้งแต่ปี 2562  แล้วอาจจะพบว่า ส่วนใหญ่  ก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง หรือพูดตรงๆคือการ”ทุจริต” นั่นเอง

ส่วน” DSI” เรื่องใหญ่ที่ควรทำ  คือการ”จับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ ที่ล่าสุด ด่านศุลกากร จ.บึงกาฬ ได้ส่งหนังสือถึง ด่านศุลกากร อ.สะเดา จ.สงขลา ให้กำเนินการกับ  บริษัท เอสพีพีออยล์ (ไทยแลนดน์) ที่นำน้ำมันดีเซลหลายแสนลิตรจาก ประเทศมาเลเซีย และขอเอกสาร”ผ่านประเทศไทย” ไปยัง ประเทศ สปป.ลาว ผ่าน ด่านศุลกากร  จ.บึงกาฬ แต่น้ำมันดังกล่าวไม่ได้ส่งไปยัง สปป.ลาว และเวลาผ่านไป 30 วัน รถบรรทุกน้ำมันทั้ง 8 คัน ก็ ไม่มีการเดินทางผ่านด่านศุลกากร จ.บึงกาฬ จน ผอ.ด่านศุลกากรบังกาฬ มีการ แจ้งให้ ผอ.ด่านศุลกากรสะเดา ทำการ ดำเนินคดีกับ บริษัทดังกล่าว

เรื่องนี้เป็น เรื่องใหญ่ ที่เป็นการ”โกงภาษี” ของประเทศชาติ และไม่ทราบว่า  บริษัทดังกล่าว มีการ ใช่วิธีการ”ทรานซิส” เส้นทางด้วยการ นำน้ำมันจาก ประเทศมาเลเซีย โดยไม่เสียภาษีศุลกากร และนำไปขายในประเทศ ได้กำไรมหาศาล โดยไม่ได้ส่งไปยัง สปป.ลาว ตาม เงื่อนไข  และที่สำคัญ บริษัท ที่ทำผิดกฎหมาย มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา  ไม่ห่างจาก ที่ทำการ”ศุลกากร” อ.สะเดา กี่มากน้อย เป็นไปได้หรือไม่ที่ “ศุลกากร”และ”สรรพสามิต” จะไม่รู่เรื่องที่เกิดขึ้น

และที่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา วันนี้ก็มี”กลุ่มทุน” นำน้ำมันเถื่อน จาก”มาเลเซีย” เข้ามา”บรรจุแท็งค์” เพื่อขายให้กับ ลูกค้า วันละหลายแสนลิตร มีรถบรรทุกน้ำมัน เข้าไปรับน้ำมัน เหมือนกับเป็น “ธุรกิจ” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ข่าวว่า “พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันทร์” ผบก.ภ.จว.สงขลา เคย”สั่งการ” ให้ ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตรวจสอบ และจับกุม ปรากฏว่า ตำรวจ สภ.ทุ่งลุง ไปจับกุม พ่อค้าขายน้ำมันที่ เป็น”แกลลอน” รายเล็กๆ และรายงานให้ทราบว่า มีการ”จับกุม” ตามคำสั่งแล้ว เศร้า นะ ประเทศไทย

รวมทั้ง ขณะนี้ น้ำมันกลางทะเลอ่าวไทย มีการ”ขนถ่าย” ขึ้นบก เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ จ.นราธิวาส ปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช และ สุราษฎร์ธานี ล่าสุด ผอ. ศุลกากรภาคที่ 5 จับกุมรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ที่เป็นน้ำมันจากทะเลได้เกือบ 40.000 ลิตร ที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส ขณะนำไปส่ง ปั้มน้ำมัน ที่เป็น เจ้าของ

นี่ต่างหาก ที่ DSI  และ ป.ป.ท. ต้องดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตาม”หน้าที่” และเป็นไปตาม”กฎหมาย” เพื่อ “ปกป้อง” และ”รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเงินภาษีของประชาชน

เมือง ไม้ขม

 

Related posts