สรรเพชญ ตั้งฉายา “รัฐบาลสุกเอาเผากิน” ปมบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

สรรเพชญ ตั้งฉายา “รัฐบาลสุกเอาเผากิน” ปมบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว

 

 

วันนี้ (3 เมษายน 2567) ที่รัฐสภา ได้มีการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 152 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสรุปความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พร้อมมอบฉายา “รัฐบาลสุกเอาเผากิน”

นายสรรเพชญ เริ่มต้นการอภิปราย โดยชี้ให้เห็นข้อจำกัดของรัฐบาลผสมนายเศรษฐา ทวีสิน ว่า อาจมีปัญหาเรื่องการนำนโยบายหาเสียงไปปฏิบัติ เห็นได้จากนโยบายพรรคเพื่อไทยจำนวนมากไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา หรือมีสาระสำคัญผิดเพี้ยนไปจากคราวหาเสียง ประกอบรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นในการจัดทำงบประมาณปี 2567 และการเบิกจ่ายงบฯ ที่ล่าช้าไปหลายเดือน โดยนายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า แม้รัฐบาลจะมีข้อจำกัด แต่ไม่สามารถปฏิเสธความล้มเหลวในการบริหารงานได้อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ การจัดทำ “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เติมเงินให้ประชาชน 10,000 บาท” และการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจในปัจจุบัน

สำหรับ “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) เติมเงินให้ประชาชน 10,000 บาท” นายสรรเพชญ กล่าวว่า เป็นเรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาล เพราะไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามที่หาเสียงไว้ พร้อมเห็นว่า ประเด็น “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่รัฐบาลแถลงว่าจำเป็นต้องเติมเงินในระบบนั้น ก็เป็นเพียงวาทกรรมที่แต่งขึ้นมา

ด้านภาพรวมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา นายสรรเพชญ เห็นว่า รัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น การลดค่าไฟฟ้า น้ำมัน ค่าครองชีพ กระทั่ง มาตรการพักหนี้ ล้วนเป็นเพียงมาตรการเฉพาะซึ่งผ่านมาแล้ว 6 เดือน กลับไม่เห็นมาตรการต่อยอดที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน โดยนายสรรเพชญ ยกตัวเลขการประเมินหนี้ครัวเรือนของไทยที่มีมากถึง 16.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 90.9% ของ GDP ว่าสะท้อนว่ามาตรการระยะสั้นของรัฐบาลไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมเปรียบเปรยว่า “พักหนี้ไปอีก 10 ปี ปัญหาหนี้ของชาวบ้านมันก็ไม่หมด มันก็บอกอยู่แล้วว่า “แค่พักหนี้””

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ได้กล่าวติงนายเศรษฐา ทวีสิน เรื่องการนำโครงการ แลนด์บริดจ์ (Landbridge) ไปเดินสายโรดโชว์ (Roadshow) ในต่างประเทศว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติใดๆ เป็นเพียงแนวคิดที่รอการตกผลึก ซึ่งตนเกรงว่าจะนำไปสู่การทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอนาคต พร้อมกันนั้น นายสรรเพชญ ได้ยกตัวอย่างพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ของไทยที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญ เช่น EEC, ระเบียงเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค, ตลอดจนเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนครับ ซึ่งนายสรรเพชญ เห็นว่าพื้นที่เขตเศรษฐกิจดังกล่าว ยังต้องการเติมเต็มในหลายด้านทั้งเงินทุน นวัตกรรม และแรงงานฝีมือ

ในตอนท้าย นายสรรเพชญ ได้กล่าวสรุปว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา มีลักษณะ “สุกเอาเผากิน” เพราะไม่เข้าใจโจทย์ประเทศ และโจทย์เศรษฐกิจที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ ส่งผลให้มาตรการต่างๆ ที่ออกมาไม่ประสบความสำเร็จ

///

Related posts