พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ พร้อมสั่งการให้ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประกอบการ และ ปชช. ที่ได้รับผลกระทบฯ จากเหตุคนร้ายวางระเบิดป่วนกว่า 17 จุด

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ พร้อมสั่งการให้ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประกอบการ และ ปชช. ที่ได้รับผลกระทบฯ จากเหตุคนร้ายวางระเบิดป่วนกว่า 17 จุด

จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยคนร้ายได้ลอบวางระเบิดและ รอบวางเพลิงปั๊มน้ำมัน และ ร้านสะดวกซื้อ รวมกว่า 17 จุด เป็นผลให้ผู้ประกอบการได้รับความเสีย จากการก่อเหตุดังกล่าวพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และได้มีข้อสั่งการด่วนให้ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่พี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ และผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด

ล่าสุด (วันนี้ 18 สิงหาคม 2565) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้มอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขิงทุกส่วนราชการที่เป็น สหวิชาชีพ “ทีมเยียวยา” ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการลงพื้นที่ที่จุดเกิดเหตุบริเวณปั๊มน้ำมันบางจาก ซึ่งอยู่บนถนนทางหลวง 43 ปัตตานี-หาดใหญ่ บ้านโคกกอดอนยาง หมู่ 8 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุ พบว่าคนร้ายลอบวางระเบิดกว่า 20 กิโล จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ ทั้งในส่วนของอาคารปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟอินทนิล ร้านสะดวกซื้อมินิบิ๊กซี และอาคารส่วนอื่นๆ ภายในบริเวณปั๊มน้ำมันบางจากจนทำให้ได้รับความเสียหายทั้งหมด

โดยพนักงานปั๊มน้ำมันบางจาก เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า คืนนั้นช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ตนได้เติมน้ำมันให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ อยู่ ๆได้ยินเสียงคนร้ายตะโกนไล่ให้พนักงานทุกคนซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 คน ออกไปจากปั๊มให้หมดอย่างรวดเร็วและให้เข้ามาเอามอไซของแต่ละคนออกไปด้วย ตนจึงขับรถออกไป แต่ตอนนั้นก็รู้สึกกลัว สับสน ทำอะไรไม่ถูกเมื่อตั้งสติได้ จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านที่รับผิดชอบพื้นที่ให้ทราบ และหลังจากนั้นไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกกลัวเวลาออกจากบ้านก็หวาดระแวง งานที่ทำอยู่ก็ต้องหยุดไปไม่รู้จะเอารายได้จากไหนมาแบ่งเบาครอบครัวเนื่องจากที่แห่งนี้คือรายได้หลัก ในการเลี้ยงชีพของตน

ด้านพนักงานทำความสะอาดปั๊มน้ำมันบางจาก กล่าวถึงผลกระทบฯที่เกิดขึ้นว่า…ตนนั้นทำงานอยู่ที่ปั๊มแห่งนี้มา 7 ปี คิดเสมอว่าที่ตรงนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงนี้ขึ้นกลับทำให้คิดอยู่ตลอดเลยว่าผลกระทบฯอะไรที่จะตามมาเนื่องตนนั้นเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วย ต้องใช้รายได้จากการทำงานตรงนี้มาจุนเจือคนในครอบครัวที่มีทั้งหมด 7 คน และต้องใช้รายได้ส่วนนี้ส่งเสียค่าเล่าเรียนให้แก่บุตรของตนเป็นหลักซึ่งมี 3 คน อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าไฟ รวมถึงค่ากับข้าวในแต่ละวัน ซึ่งหากไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วคนในครอบครัวทุกคนก็จะเดือดร้อน แต่หลังจากนี้เชื่อว่านายจ้างจะไม่ทอดทิ้งพวกเราแน่นอน ดังนั้น..ขอให้คนที่กระทำแบบนี้หยุดช่วยเห็นใจประชาชนที่บริสุทธิ์หาเช้ากินค่ำ..ไม่มีที่ทำมาหากิน และควรนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย

ขณะเดียวกันนางจุฑารัตน์ ไลวานิช ผู้ประกอบการเจ้าของปั๊มน้ำมันบางจาก ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เปิดเผยด้วยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ช่วงแรกที่ทราบเรื่องทั้งหมดทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง รวมถึงเป็นห่วงน้อง ๆพนักงานทุกคนด้วย เพราะส่วนใหญ่พนักงานที่นี่จะเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องหาเช้ากินค่ำ เพื่อเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว อีกทั้งรู้สึกกังวลกับความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วยเนื่องจากทุกอย่างค่อนข้างรุนแรงและไม่รู้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนานแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามตนในฐานะนายจ้างจะต้องดูแลทุกคนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมร้านบริเวณรอบๆให้เสร็จก่อนเพื่อให้น้อง ๆ พนักงานที่ได้รับผลกระทบฯทุกคนมีรายได้รองรับพอที่จะสามรถดูแลตนเองและครอบครัวให้ได้ในเบื้องต้น

นางจุฑารัตน์ ไลวานิช เผยต่ออีกว่า ที่ผ่านมาตนและผู้ประกอบทุกคนมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องการจะพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กลับมาดีขึ้น หลังจากที่เราต้องเผชิญกับปัญหาของโรคระบาดมามากกว่า 2 ปี เมื่อโรคระบาดคลี่คลายทุกภาคส่วนก็มีความพยายามที่ต้องการจะผลักดันเพื่อทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เยอะๆ แต่จากความพยายามทั้งหมดที่ได้ร่วมกันสร้างขึ้นมาเมื่อทุกอย่างเริ่มดีขึ้น..กลับถูกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทำลายความเชื่อมั่นไปในพริบตาเดียว แต่ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด หรือเราทุกคนจะต้องล้มลุกคลุกคลาน เราจะรวมพลังกันสร้างทุกอย่างกลับขึ้นมาใหม่ และใช้เวลาในการฟื้นฟูได้อย่างเร็วที่สุด เพื่อคนที่อยู่ข้างหลังของเราต่อไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศอ.บต.พร้อมด้วยทีมสหวิชาชีพด้านเยียวยา” และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและรวบรวมข้อมูล ในการเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา ที่ร้านสะดวกซื้อ (7 – Eleven) ซึ่งอยู่บนถนนหมายเลข 409 บ้านเนียง หมู่ที่ 4 ตำบลเปาะเส้ง อำเภอเมือง และร้านสะดวกซื้อ (7 – Eleven) ภายในปั๊ม ปตท. บ้านพงลูกา หมู่ที่ 3 ตำบลยะหา อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ซึ่งทั้ง 2 แรงระเบิดทำให้อาคาร และทรัพย์สินเสียหายค่อนข้างมาก แต่ทางร้านได้มีการทำประกันภัยตามโครงการค่าชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่ขึ้นศอ.บต. ได้มีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตาม มติ ครม. และระเบียบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านทรัพย์สินและตามหลักเกณฑ์ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือด้านทรัพย์สิน และเอกสารหลักฐานประกอบการยื่นขอรับการช่วยเหลือต่อไป

ทั้งนี้การดำเนินการจะทำให้ด้วยความรวดเร็วถูกต้องเพื่อให้ผู้ประกอบการเอกชนที่ได้รับผลกระทบและประชาชนสามารถฟื้นฟูและดูแลกิจการเพื่อที่จะเป็นกำลังหลักของครอบครัวได้ต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการของท่านรองนายกที่ต้องการให้การช่วยเหลือเยียวยาดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด

 

Related posts