ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 บูรณาร่วมกับ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 39 กองพันทหารช่างที่ 302 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจตระเวนชายแดน เร่งช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยอำเภอชาติตระการ พร้อมติดตามสถานการณ์ป้องกันน้ำท่วมเมืองพิษณุโลก

 

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 บูรณาร่วมกับ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 39 กองพันทหารช่างที่ 302 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจตระเวนชายแดน เร่งช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยอำเภอชาติตระการ พร้อมติดตามสถานการณ์ป้องกันน้ำท่วมเมืองพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 พลตรี นพดล วัชรจิตบวร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39/ ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 39 จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุน องค์การบริหารส่วนตำบลวัดจันทร์ ดำเนินกรอกกระสอบทราย และทำแนวเสริมป้องกันน้ำล้นตลิ่ง ร่วมกับ เทศบาลตำบลวัดจันทร์ เทศบาลตำบลท่าทอง และเทศบาลตำบลท่าโพธ์ เพื่อป้องกันตามแนวริมแม่น้ำน่าน และออกตรวจจุดล่อแหลมที่น้ำอาจจะเอ่อล้นตริ่งเข้าท่วมในเขตเมืองได้ พร้อมหารือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เสี่ยง เพื่อช่วยกันหาทางร่วมกันป้องกันและแก้ปัญหาไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนในพื้นที่ต่อไป ณ องค์การบริหารส่วนตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

ต่อมา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 เวลา 05.00 น. ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 ติดตามสถานการณ์บริเวณพื้นที่สะพานเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก สถานีวัดน้ำ N.5A เมืองพิษณุโลก พบระดับน้ำแม่น้ำน่านอยู่ที่ 9.71 เมตร เหลืออีกเพียง 66 เซนติเมตรจะล้นตลิ่งเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจเทศบาลนคร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง กรมชลประทานประกาศเตือนภัย “ธงสีส้ม” คาดระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดช่วงบ่ายวันนี้ อาจแตะเกิน 10 เมตร ซึ่งเข้าใกล้ตลิ่งที่ระดับ 10.37 เมตร เสี่ยงท่วมเมืองเต็มรูปแบบ

พื้นที่เตือนภัยครอบคลุม 3 อำเภอหลัก ได้แก่
• อำเภอพรหมพิราม จำนวน 8 ตำบล
• อำเภอเมืองพิษณุโลก จำนวน 11 ตำบล
• อำเภอบางกระทุ่ม จำนวน 7 ตำบล

สำนักงานป้องกันและสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก แจ้งประชาชนริมฝั่งแม่น้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำ “ยกของขึ้นที่สูง – ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง – ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด” ด้าน ชลประทานเขต 3 เผยมีน้ำไหลจากอุตรดิตถ์เข้ามาต่อเนื่องกว่า 1,320 ลบ.ม./วินาที จึงใช้ 4 มาตรการเร่งด่วนสกัดก่อนน้ำทะลักเข้าเมือง ได้แก่
ลดการระบาย – ปิดคลองผันน้ำ DR15.8 และ DR2.8 ชั่วคราว
ผันน้ำไปทางอื่น – เร่งระบายลงคลองยมสายเก่า / ส่งเข้าคลอง C1
หน่วงน้ำหน้าเขื่อน – สั่งทุกโครงการชลประทานปรับแผนเปิด–ปิดประตูน้ำ
รับน้ำเข้าทุ่งนา – ใช้พื้นที่เกษตรที่เก็บเกี่ยวแล้วเป็นแก้มลิงชั่วคราว
มาตรการทั้งหมดจะเดินหน้าต่อเนื่องตลอด 2–3 วันนี้หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะที่ เวลา 06:00 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ที่สถานีวัดระดับน้ำN5A เชิงสะพานเอกาทศรถ ของกรมชลประทาน แม่น้ำน่านพิษณุโลกอยู่ที่ระดับ 9.80 เมตร โดยประมาณ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก แต่ยังไม่ถึงระดับตลิ่ง 10.37 เมตร พื้นที่ตอนบนของพิษณุโลก ตำบลศรีภิรมย์ และตำบลตลุกเทียม อำเภอพรหมพิราม เริ่มมีน้ำล้นตลิ่งไหลก็ท่วมบ้านเรือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำน่านบ้างแล้ว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกได้มีการนำกระสอบทรายอุดท่อระบายน้ำ และเตรียมเครื่องสูบน้ำ

ขณะที่ชุมชนริมน้ำ เช่น หมู่ 4 ตำบลหัวรอ (ชุมชนบ้านแม้วเตาไห) อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายโสภณ แสงตาหล้า ผู้ใหญ่บ้าน ได้ระดมชาวบ้านนำกระสอบทรายที่ได้รับการสนับสนุนจากวัดโพธิ์และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก มาอุดท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำหนุนจากแม่น้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอดทั้งคืน เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำ ก่อนถึงตัวเมืองพิษณุโลก

และ ตามที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและสาธารณภัย ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านระบบ Cell broadcast เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00น. ว่าในพื้นที่ 26 ตำบล ใน 3 อำเภอ ที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำยม ได้แก่ อำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก และอำเภอบางกระทุ่ม มีแนวโน้มสถานการณ์น้ำเพิ่มสูงขึ้น พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามคำเตือนของทางราชการนั้น

จังหวัดพิษณุโลก ได้รับรายงานจากอำเภอพรหมพิราม แจ้งว่าได้เกิดสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ หมู่4 ตำบลตลุกเทียม และหมู่5 ตำบลศรีภิรมย์ ซึ่งประชาชนได้ขนย้ายสิ่งของล่วงหน้าและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด และ กรมป้องกันและสาธารณภัย ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนแบบ extreme alert ย้ำเตือนอีกครั้งในห้วงที่น้ำใกล้ล้นตลิ่ง ซึ่งทางอำเภอแจ้งว่ารับทราบข้อความดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ อำเภอพรหมพิรามได้สั่งการให้ผู้นำหมู่บ้านระดมสรรพกำลังช่วยเหลือราษฎรเคลื่อนย้ายสิ่งของไปไว้ที่สูง และดูแลกลุ่มเปราะบางตามคำแนะนำแล้ว หากต้องการความช่วยจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นอกจากนั้น ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 39 มอบหมายให้ ชุดปฎิบัติบรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารช่างที่ 302 กรมทหารช่างที่ 3 ร่วมกับ นาย​ชาญชัย​ แสง​สวัสดิ์​ นายอำ​เภอ​ชาติตระการ, นายกองค์การ​บริหาร​ส่วน​ตำบลบ้านดง​ ผู้​ใหญ่​บ้าน​ นำอาหาร​อุปโภค​บริโภค​ มอบให้​แก่​ผู้​ประสบ​อุทกภัย​ในพื้นที่​บ้านห้วยน้ำปลา​ หมู่ 3 บ้านห้วยน้ำอุ่น​ หมู่ 10​ ตำบลบ้านดง​ อำเภอชาติตระการ​ จังหวัดพิษณุโลก

ด้าน กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 315 ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง​ อำเภอชาติตระการ และหน่วยกู้ภัย เข้าปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง หลังได้รับอิทธิพลจากพายุบัวลอย ได้อพยพผู้ประสบภัยและมอบอาหาร/น้ำดื่ม บริเวณ ตำบลบ้านดง​ อำเภอชาติตระการ​ จังหวัดพิษณุโลก และถนนสายหลักที่มีน้ำท่วมสูง จนถึงเวลา 16.30 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2568 สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ เตรียมกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูต่อไป

และ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 315 นำเรือท้องแบน จำนวน 1 ลำ เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ บ้านห้วยท้องฟาน ม.6 และ บ้านห้วยดี หมู่ 7 ตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ​ จังหวัดพิษณุโลก ภารกิจหลักคือการช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างในบ้านเรือนออกนอกพื้นที่, อำนวยความสะดวกในการสัญจร และนำอาหาร-น้ำดื่มสนับสนุนผู้ประสบภัย ซึ่งการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลง และทางหน่วยเตรียมเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนต่อไป

อำเภอชาติตระการเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่อำเภอชาติตระการ ราษฎรได้รับความเสียหาย 6 ตำบล โดยตำบลบ้านดง ได้รับความเสียหายมากที่สุดจำนวน 2,350 คน 859 ครัวเรือน ซึ่งรับผลกระทบโดยตรง ดินโคลนไหลเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งบ้านห้วยน้ำปลา ม.3 และบ้านห้วยน้ำอุ่น หมู่ 10​ ตำบลบ้านดง​ มีเส้นทางถูกตัดขาด ทำให้ประชาชนยังคงอยู่ในหมู่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน อีกทั้งยังเกิดเหตุเสาไฟฟ้าโค่น ทำให้ไฟฟ้าดับ ปัจจุบันยังคงให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

Related posts