กมธ.พาณิชย์ฯ วุฒิสภา แถลงข่าว “การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้ได้รับใบอนุญาต” หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทย

 

กมธ.พาณิชย์ฯ วุฒิสภา แถลงข่าว “การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้ได้รับใบอนุญาต” หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทย

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา นำโดย นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมาธิการ แถลงข่าวเรื่อง “การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้ได้รับใบอนุญาต” โดยกล่าวว่า กมธ.ได้จัดทำรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้ได้รับใบอนุญาตเพื่อพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา : จังหวัดภูเก็ต” และนำไปสู่การปฏิบัติจนได้ผลเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นการขยายผลจึงได้จัดทำรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้ได้รับใบอนุญาต” เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่ผู้ประกอบธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่สามารถขอรับใบอนุญาตฯ ได้ จากการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าที่พักแบบรายวันและโรงแรมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ มีจำนวนมากกว่าโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตฯ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้า ไม่มีการควบคุมและตรวจสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงการควบคุมและตรวจสอบด้านการรายงานทะเบียนผู้เข้าพัก ซึ่งส่งผลต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของผู้บริโภคและประชาชน รวมทั้งการที่ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมจากการประกอบธุรกิจโรงแรม ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลโรงแรมในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 90,026 แห่ง ได้รับใบอนุญาตฯ 16,457 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 18.2 มีแรงงานภาคบริการในธุรกิจโรงแรม จำนวน 900,260 คน รายได้รวมการท่องเที่ยว 1.67 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรมโดยตรง 0.33 ล้านล้านบาท และรายได้จากธุรกิจต่อเนื่อง 1.34 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ หากโรงแรมนอกระบบที่ไม่ได้รับใบอนุญาตฯ ต้องปิดกิจการจะทำให้ต้องสูญเสียรายได้จากธุรกิจโรงแรมโดยตรงประมาณ 0.2699 ล้านล้านบาท รายได้จากธุรกิจต่อเนื่องประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท และส่งผลกระทบต่อแรงงานที่จะต้องตกงาน จำนวนมากถึง 736,000 คน
.
ดังนั้น เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนด ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวไทยโดยรวม อีกทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจที่พักขนาดกลางและขนาดเล็กยังประสบปัญหาหลายด้าน เช่น ขั้นตอนการขออนุญาตที่ซับซ้อน ข้อจำกัดด้านกฎหมายผังเมือง และต้นทุนในการปรับปรุงอาคารเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบการอนุญาตได้ กมธ.จึงเห็นความจำเป็นในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับลักษณะกิจการของผู้ประกอบการแต่ละประเภท รวมทั้งจัดให้มีศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) การจัดตั้งหน่วยงานตรวจสอบของเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอใบอนุญาต และส่งเสริมให้เกิดระบบสนับสนุนทางการเงินและการอบรมพัฒนามาตรฐานบริการ

Related posts