Skip to content
วันพุธ, กรกฎาคม 30, 2025
Recent posts
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และคณะตรวจพื้นที่บริเวณชุมชนคูหาสุวรรณเนื่องจากมีเหตุน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน วันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) เวลา 17.00 น.นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยนางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พ.อ.พิทยา ราชะพริ้ง รอง ผอ.รมน.จังหวัด ส.ท.(ท.) นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ ปลัดจังหวัดสุโขทัย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชุมชนคูหาสุวรรณ ซึ่งเมื่อเวลา 16.00 น.เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนชุมชนคลองโพธิ์ ชุมชนคูหาสุวรรณ ชุมชนร่วมพัฒนา และชุมชนเลอไท ให้เก็บของขึ้นที่สูง รถยนต์ ทรัพย์สินและของมีค่าให้เก็บไว้ในที่ปลอดภัย เหตุจากกำแพงพนังบริเวณร้านเฟื่องฟ้า มีความเสี่ยงเนื่องจากมีน้ำผุดลอดกำแพงบริเวณใกล้ร้านอาหารเฟื่องฟ้า โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ร่วมกับทุกฝ่ายหาทางแก้ไขปัญหาให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉิน โทร.สายด่วน 1132 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอศรีนคร และอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย วันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) เวลา 13.00 น. นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอศรีนคร และอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย โดยได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอศรีนคร ซึ่งน้ำคลองยม - น่านยังคงไหลข้ามตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน หมู่ที่ 2 , 6 , 7 , 8 , 9 ตำบลคลองมะพลับ จำนวน 428 ครัวเรือน รวม 713 คน หมู่ที่ 2 , 7 , 10 ตำบลศรีนคร จำนวน 41 ครัวเรือน รวม 115 คน จากนั้น นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ซึ่งอำเภอสวรรคโลก ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในหมู่บ้านริมแม่น้ำยม ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลคลองกระจง และตำบลท่าทอง รวมจำนวน 7 หมู่บ้าน 273 หลังคาเรือน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้เยี่ยมเยียนสร้างขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ลงพื้นที่ศึกษาดูงานการบริหารจัดการหนี้สินเกษตรกร ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา นำโดยนายเตชสิทธิ์ ชูแก้ว รองโฆษกคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการการบริหารจัดการหนี้สินครัวเรือนเกษตรกรไทย ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการบริหารจัดการหนี้สินของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การส่งเสริมการสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมถึงแนวทางการแก้ไขพื้นที่ทำการเกษตร ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาภาคเกษตร ทั้งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และการบริหารจัดการ พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตรของจังหวัดอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุม สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติจากนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมและได้ให้ข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจการเกษตรของจังหวัดนครราชสีมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมุ่งเน้นให้เกษตรกรมีรายได้ประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือน และประจำปี ให้มีรายได้บำนาญผ่านโครงการบำนาญประชาชน ปลูกต้นไม้เป็นเงินออม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา และผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยต้นไม้ที่ปลูกเติบโตมีราคาในอนาคต ตลอดจนการปลูกต้นไม้ยังเป็นการอนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟู ส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เป็นการลดก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ จังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่ทั้งหมด 12,808,728 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 8,907,219 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 69.55% ของพื้นที่ทั้งหมด มีพื้นที่เกษตรกรรมในเขตชลประทาน 697,081 ไร่ และพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน 8,210,138 ไร่ สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ณ ราคาประจำปี พ.ศ. 2565 ของจังหวัดนครราชสีมามีมูลค่า 335,472 ล้านบาท และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 134,338 บาท โดยมีมูลค่าภาคเกษตรกรรม 48,356 ล้านบาท สำหรับการใช้ประโยชน์และความเหมาะสมของดินเพื่อการเพาะปลูก (Agri-Map analytic) มีพื้นที่ทำการเกษตรที่เหมาะสม 7,289,337 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตรที่ไม่เหมาะสม 451,643 ไร่ มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ 1) ข้าวนาปี อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวทั่วไป 2) มันสำปะหลังโรงงาน 3) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4) อ้อยโรงงาน ทั้งยังมีสินค้า GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศจำนวนทั้งสิ้น 11 ชนิด อาทิ ไวน์เขาใหญ่ มะขามเทศเพชรโนนไทย ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ มันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด พื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา ยังคงประสบปัญหาด้านระบบชลประทานและการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร โดยมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งปี อันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านแหล่งเก็บกักน้ำ รวมถึงข้อจำกัดด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินและความเหมาะสมของพื้นที่เพาะปลูกตามข้อมูลจากระบบ Agri-Map Analytic นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกิน โดยเฉพาะในกรณีของเกษตรกรที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง เกษตรกรยังต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ยหรืออาหารสัตว์ ทำให้บางส่วนจำเป็นต้องปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงการใช้ปัจจัยการผลิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรโดยรวม อย่างไรก็ตาม จังหวัดนครราชสีมาได้มีโครงการสำคัญ อาทิ โครงการ “พืชที่ชอบ ดินที่ใช่” เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ (Agri-Map), โครงการ “KORAT FIRST” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และรายได้แก่เกษตรกรในจังหวัดอย่างยั่งยืน คณะกรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะให้ปฏิบัติตามมาตรการการพัฒนาเกษตรกรรมภายใต้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” มุ่งเน้นการส่งเสริมองค์ความรู้และวินัยทางการเงินแก่เกษตรกร เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของชนิดพืชในแต่ละพื้นที่ ส่งเสริมการรวมกลุ่มกันของเกษตรกร ทั้งนี้ การส่งเสริมดังกล่าวควรดำเนินผ่านกลไกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้มีการขับเคลื่อนนโยบายด้านการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างบูรณาการ โดยกระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และกระบวนการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศอย่างยั่งยืน
นางสาวกมลนพรรณ สวัสดี หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสาขาจังหวัดสุโขทัย ร่วมพิธีเปิดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.จังหวัดสุโขทัย ที่ อ.ทุงเสลี่ยม...วันนี้ที่ 30 กรกฏาคม 2568 นางสาวโมนพรรณ สวัสดี หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสาขาจังหวัดสุโขทัย ร่วมพิธีเปิดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.จังหวัดสุโขทัย และดำเนินโครงการ "หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน" ในพื้นที่โรงเรียนบ้านแม่ทุเลา หมู 2 ตำบลไทยชนะศึก ที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
แพทย์ทหารเตือน “ระวังโรคตาที่มากับฤดูฝน” จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในช่วงฤดูฝน โรคที่พบบ่อย คือ โรคตาแดง สามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ ในช่วงฤดูฝน การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องสุขภาพดวงตาก็ต้องการการดูแลเช่นกัน ในช่วงฤดูฝนดวงตาก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อได้ โดยเฉพาะ “โรคตาแดง” ระบาดได้บ่อยครั้ง เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนอาการของโรคตาแดง หากได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ จนทำให้เป็นโรคตาแดง อาการต่าง ๆ จะเกิดได้ภายใน 1-3 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน แบ่งอาการได้โดยเกิดอาการตาขาวมีสีแดงเรื่อๆ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ เช่น โรคตาแดง ที่อาจเกิดจากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรือนำมือที่เปื้อนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตาหรือหากเกิดจากติดเชื้อไวรัส หนังตาจะบวม น้ำตาไหลมาก ต่อมน้ำเหลืองบริเวณกกหูบวม ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ตาแพ้แสงหากติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีขี้ตาสีเขียว หรือสีเหลือง มีน้ำตาไหล ตาแฉะ มองเห็นไม่ชัดและหากเกิดจากการแพ้จะรู้สึกคันตา แสบตา มีน้ำตาไหล ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 และคณะแพทย์ทหาร มีความห่วงใยข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 จากโรคภัยดังกล่าว รวมทั้งพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงขอแนะวิธีป้องกันโรคตาแดง โดยการหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย งดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ควรป้องกันและหลีกเลี่ยงฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในระยะการระบาดของโรคตาแดง หมั่นดูแลรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาด เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด หากจำเป็นควรสวมแว่น กันแดด กันฝุ่น กันลม และควรระวังไม่ให้แมลง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ส่วนการรักษาโรคตาแดงนั้นหากมีอาการตาแดงควรพักผ่อนหรือลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรค และสามารถใช้น้ำตาเทียมช่วยลดการระคายเคืองตา ควรพบจักษุแพทย์ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชน ในยามวิกฤตทุกโอกาส ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
การศึกษา
การเมือง
กีฬา
ท่องเที่ยว
กิจกรรมเพื่อสังคม
ประเพณีและวัฒนธรรม
สังคม
ในประเทศ
ข่าวเด่นออนไลน์
Nothing Found
It seems we can’t find what you’re looking for. Perhaps searching can help.