GULF CMWTE ร่วมกับ ชุมชนบ้านป่าตึงน้อย ทำแนวกันไฟป่า ลด PM 2.5
วันที่ 26 มีนาคม 2568 GULF และ CMWTE ร่วมกับ ชุมชนบ้านป่าตึงน้อย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทำแนวกันไฟป่า ลด PM 2.5 ณ ป่าชุมชน ซึ่งปัญหาไฟป่าและ PM 2.5 ในภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ในช่วงฤดูแล้ง นับว่าเป็นปัญหาวิกฤติมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชุมชนป่าตึงน้อย นำโดย นางสาวจันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านป่าตึงน้อย และหน่วยงานภาคราชการ เทศบาลตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และชาวบ้านอาสาสมัคร และได้รับรับการสนับสนุนจาก โครงการโรงไฟฟ้าขยะฯ บริษัทเชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด(CMWTE) และ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ (GULF) นำโดย นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ฯ และ หน่วยงานทหาร มทบ.33 ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวน กว่า 200 คน
นางสาว จันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านป่าตึงน้อย ฯ กล่าวว่า ชุมชนให้ความสำคัญมากเพราะป่าชุมชนเป็นแหล่งอาหารทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในการดำรงชีวิตของชาวบ้านมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัญหาไฟป่ามีมาอย่างต่อเนื่อง ในป่าจะมีใบไม้แห้งจำนวนมากในช่วงหน้าแล้ง เป็นเชื้อเพลิงให้เกิดไฟป่าสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก และเกิด PM 2.5 เป็นที่มาของการรวมกลุ่มเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่าทำแนวกันไฟ กันทุกปี และทางราชการมีนโยบายในการลดการเผาป่าและป้องกันไฟป่าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วย จึงได้ร่วมกันในการทำแนวกันไฟกันมาอย่างต่อเนื่อง และเราได้รับการสนับสนุนจาก โครงการโรงไฟฟ้าขยะฯ ของบริษัทเชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด(CMWTE) และ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ (GULF)
นำพนักงานและประสานกองกำลังทหาร มทบ. 33 มาร่วมทำแนวกันไฟป่าช่วยทางชุมชน นอกจากนั้นบริษัทฯยังนำองค์ความรู้ด้าน ฐานชีวภาพ และ จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ มาจัดอบรมให้กับผู้นำชุมชน ในโครงการ “ คืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ “ และ สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชนอยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์ ฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนมีองค์ความรู้เกี่ยวกับฐานชีวภาพและระบบนิเวศฯลฯ และสามารถเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ นำมาช่วยเสริมศักยภาพในการย่อยสลายสลายใบไม้จากการทำแนวกันไฟป่าให้มีการย่อยสลายได้ดียิ่งขึ้นลดการเป็นเชื้อเพลิงไฟป่าและจะสลายเป็นอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหารสำหรับต้นไม้ในป่าจะช่วยให้ดินดีมีชีวิตและยังเสริมสร้างการกระจายเชื้อจุลินทรีย์ในป่าที่มีความเสื่อมโทรมจากไฟป่า การตัดไม้ทำลายป่าจนเสียสมดุลให้ฟื้นฟูได้ดีมากยิ่งขึ้น และกิจกรรมในการฟื้นฟูป่าด้วยเชื้อราไมคอร์ไรซ่า หรือเชื้อเห็ดป่าเพื่อปลูกป่าเพิ่มเติมและคืนสมดุลให้ป่าในระยะต่อไป ซึ่งเป็นแนวทางที่เสริมให้ชุมชนมีโอกาสทำงานอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชนได้ดีมากยิ่งขึ้น ต้องขอบคุณบริษัทฯ และทุกภาคส่วนที่มาร่วมสนับสนุนชุมชนของเรา ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนต่อไป
นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผอ.บริหาร กลุ่มบริษัทกัลฟ์ กล่าวว่า บริษัท GULF และ CMWTE เรามาตั้งในพื้นที่ชุมชน เราตระหนักว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน .มีนโยบายชัดเจนในการร่วมกับชุมชนรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน ซึ่งป่าชุมชนนับเป็นแหล่งทรัพยากรทางเศรษฐกิจการอาชีพ และ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของชุมชน เราจึงได้อาสาเข้ามาร่วมสนับสนุนชุมชน รวมทั้งการประสานองค์ความรู้จากนักวิชาการ และหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเสริมสร้างศักยภาพในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งจะสามารถพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืนได้ รู้สึกยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมชุมชนและยินดีสนับสนุนชุมชนต่อไป ครับ
ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ (GULF ) กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ เริ่มจากการทำแนวกันไฟป่า และ ในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงเราจะนำองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งในสากลและประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเกษตรศาสตร์ เป็นต้น เกี่ยวกับเชื้อเห็ด ”ไมคอร์ไรซ่า ” ซึ่งเป็นเชื้อราที่มีความสำคัญต่อระบบเครือข่ายการเชื่อมโยงการเจริญเติบโตร่วมกันของรากพืชไม้ป่า และ จุลินทรีย์ในดินชนิดต่างๆ ที่จะช่วยการเจริญเติบโต และสร้างภูมิคุ้มกันโรคพืช ยังช่วยสลายอินทรีย์วัตถุต่างๆเป็นธาตุอาหารให้กับพืชผ่านการอาศัยเกื้อกันกับระบบรากพืชคือ เชื้อราไมคอร์ไรซ่า กับ รากต้นไม้ ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันตลอดอายุขัยของพืช เป็นต้นกำเนิดของเห็ดป่านานาชนิด เช่น เห็ดผาะ เห็ด ไคล ระโงก เห็ดตับเต่า เห็ดโคนปลวก ฯลฯ ซึ่งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ ได้ร่วมกับชุมชนวางแผนในการนำเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซ่า กลับคืนสู่ป่าสร้างความสมดุล มีการเพาะเชื้อใส่ในกล้าไม้ปลูกเสริมในป่า
และนำเชื้อเห็ดป่าไปกระจายสู่บริเวณรากต้นไม้ในป่าเพิ่มจุลินทรีย์ในผืนป่าเสื่อมโทรมและจะนำเมล็ดพันธุ์กล้าไม้ป่านำมาแช่จุลินทรีย์เพิ่มอัตราการงอกและนำมาใส่ปั้นกับก้อนดินจุลินทรีย์และเชื้อเห็ด เพื่อนำไปกระจายสู่ป่าในช่วงฤดูฝนด้วย และ ยังมีแผนการนำเชื้อเห็ดป่าต่างๆให้ชุมชนนำไปเพาะในป่าใกล้ชุมชนและสวนไร่นา เพื่อเป็นแหล่งอาหารประเภทเห็ดในชุมชนครอบครัวจะสามารถทดแทนการเผาป่าหาเห็ดให้ลดลง อันเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดไฟป่าด้วย เป็นแนวทางในการลดปัญหาไฟป่าและลดผลกระทบจาก PM 2.5 ได้ต่อไป ซึ่งความสำคัญอยู่ที่ความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะศุนย์เรียนรู้ฯจะเป็นกลไกการขับเคลื่อนที่สำคัญในการปฏิบัติการและต่อเนื่องได้ อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป รวมถึงภาคีความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆจะเสริมพลังได้มากยิ่งขึ้น
กล่าวได้ว่า เป็นโครงการที่ดีมากท่ามกลางปัญหา PM 2.5 เกิดขึ้นอย่างมากในหลายพื้นที่ฯ และความมุ่งมั่นตั้งใจของ นางสาว จันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านป่าตึงน้อย ฯ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เสียสละนำพาชุมชนป้องกันไฟป่ามาอย่างต่อเนื่องทุกปี และเกิดการสร้างเครือข่ายภาคราชการ องค์กรท้องถิ่น ทหาร และภาคเอกชน มาผนึกกำลังกันสร้างพลังขับเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถอนุกรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ชุมชนให้อยู่คู่ชุมชน และลด PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป