กมธ. การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา จัดสัมมนา เรื่อง “การบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน”
วันที่ 6 กันยายน 2568 เวลา 08.30 – 15.30 นาฬิกา ณ บ้านกลางสวนรีสอร์ท อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา จัดการสัมมนา เรื่อง “การบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน” โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นผู้กล่าวเปิดการสัมมนา และมีนายธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวรายงานการสัมมนา ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้มีสมาชิกวุฒิสภา กรรมาธิการ หน่วยงานด้านการเกษตร และเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดระนอง ตลอดจนผู้ประกอบการด้านทุเรียน เข้าร่วมการสัมมนาโดยมีการรับฟังข้อมูลทางวิชาการ การอภิปรายและมีข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน
พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า “ทุเรียน” นับเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยได้รับสมญานามว่า “ราชาแห่งผลไม้ไทย” ตลอดจนเป็นสินค้าที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับเกษตรกรและประเทศชาติ การส่งออกทุเรียนไทยในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการสูง อย่างไรก็ตาม การรักษามาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ถือเป็นสิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศมีความเข้มงวดและซับซ้อนมากขึ้นทุกปี ดังนั้น การรักษามาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัยทางอาหาร และความน่าเชื่อถือของสินค้าจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทุเรียนไทยสามารถยืนหยัดอยู่ในเวทีโลกได้อย่างมั่นคง
สำหรับกิจกรรมช่วงเช้า ได้มีการบรรยายหัวข้อเรื่อง “มาตรฐานการส่งออกทุเรียนไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” โดย นายพีรพงษ์ แสงวนางค์กูล อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหัวข้อ เรื่อง “แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถผลผลิตของทุเรียนไทย” โดยนายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งได้กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานของภาครัฐในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ทั้งด้านการพัฒนาความรู้และทักษะการเพาะปลูกตามหลักวิชาการ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรเพื่อยกระดับคุณภาพและปริมาณผลผลิต การสร้างระบบตลาดที่โปร่งใสและเป็นธรรม รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าให้กับทุเรียนไทยผ่านการแปรรูปและการสร้างแบรนด์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การยกระดับมาตรฐานการส่งออกยังครอบคลุมถึงการกำหนดมาตรฐานการผลิต การคัดเลือกสายพันธุ์ การดูแลคุณภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงขั้นตอนการส่งออก ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ทุเรียนไทยสามารถแข่งขันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในเวทีการค้าโลก
สำหรับกิจกรรมช่วงบ่าย ได้มีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ เรื่อง “การพัฒนาผลผลิตสู่การส่งออกอย่างยั่งยืน” โดยมีผู้ร่วมบรรยาย ได้แก่ นายพีรพงษ์ แสงวนางค์กูล อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และนายชลธี นุ่มหนู นักพัฒนาทุเรียนส่งออกจีน โดยนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อดีตสมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งการเสวนาดังกล่าวได้ถ่ายทอดทั้งหลักการทางวิชาการและแนวทางปฏิบัติ
ในการปรับปรุงคุณภาพผลผลิตทุเรียน ตั้งแต่การจัดการสวนการนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่มาใช้ไปจนถึงการรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหาร พร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับข้อกำหนดและความคาดหวังของตลาดจีน ตลอดจนแนวทางในการยกระดับคุณภาพผลผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยกับคู่ค้าจีน ซึ่งนับเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุเรียนไทยในปัจจุบัน
การสัมมนาในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก นักวิชาการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ได้มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางการพัฒนา มาปรับในการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยเพื่อการส่งออกอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง ตลอดจนการแปรรูปและการตลาด รวมทั้ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้กระบวนการผลิตทุเรียนไทยมีคุณภาพ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมทุเรียนไทย ตามมาตรฐานที่ตลาดโลกต้องการ
ทั้งนี้ ผลที่ได้จากการสัมมนาจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการทุเรียนและภาคการเกษตรของประเทศ ตลอดจนเสริมสร้างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศชาติให้เติบโตมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ที่ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” และนำพาทุเรียนไทยก้าวสู่การเป็นสินค้าส่งออกที่ยั่งยืนและทรงคุณค่าในตลาดโลกต่อไป