มวลชนตบเท้าให้กำลังใจ “นิพนธ์”ยันไม่กระทบตำแหน่ง

พลังมวลชนประชาชนแห่ให้กำลังใจ รมช.นิพนธ์ หลังอบจ.สงขลาแพ้คดี ยันปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาและระเบียบกระทรวงมหาดไทย ไม่มีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีฯเพราะปปช.ไม่ชี้ทุจริต

วันที่ 11 มิถุนายน เวลา 8.30 น. ที่บ้านพักนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ. สงขลา กลุ่มพลังมวลชนกว่า 200 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมช รวมทั้งประชาชน ได้มาร่วมให้กำลังใจ นายนิพนธ์ หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ให้อบจ.สงขลา จ่ายเงินจำนวนกว่า 80 ล้านบาท กรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ระหว่างบริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ฟ้องคดี องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ไม่เบิกจ่ายเงินให้บริษัทฯ เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน ในสมัยที่นายนิพนธ์ บุญญามณี ดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา ซึ่งขณะนี้คดีอาญากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ เพื่อส่งฟ้งศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ต่อไป

โดยบรรยากาศภายในบ้านพักเป็นไปด้วยความคักคักมีประชาชนมอบดอกกุหลาบ กระเช้าดอกไม้ พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่นายนิพนธ์ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลสำคัญมาร่วมให้กำลังใจ อาทิ พล.ต.ต.สุรินทร์ปาลาเร่ ส.ส.เขต 8 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายกอบจ.สงขลา และสมาชิกสภาอบจ.สงขลา มาร่วมให้กำลังใจ

ขณะที่นายนิพนธ์ ยืนยันว่า​ ไม่หนักใจต่อคดีโดยเฉพาะ​ กรณี​ ปปช.เตรียมที่จะส่งฟ้องคดีที่ได้ชี้มูลความฺผิดนายนิพนธ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีไม่จ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางดังกล่าว และไม่กังวลว่าจะกระทบกับตำแหน่งรัซมนตรี เนื่องจากตนเองได้ปฎิบัติตามระเบียบกฎหมายทุกขั้นตอน โดยได้ดำเนินการในกรณีตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ที่ให้มีการตรวจสอบหลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น และเมื่อมีการฟ้องร้องก็ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องรอให้คำสั่งศาลถึงที่สุดเสียก่อน ทำให้กรณีนี้ไม่มีผลต่อคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของตนเอง เพราะ ปปช.ไม่ได้ชี้มูลในเรื่องของการทุจริต

“เบื้องต้นที่ไปแจ้งความเป็นเพราะว่ามีหนังสือของรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด มีหนังสือมาถึงนายก อบจ.ว่ามีคนร้องเรียนในเรื่องนี้ จึงขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้จังหวัดทราบ พร้อมกันนั้นในข้อ 4 ยังมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน ฉะนั้นผมจึงต้องทำตามที่จังหวัดสั่งมา เมื่อสอบข้อเท็จจริงได้ความว่าฮั้วและผลสรุปของคณะกรรมการที่มีรองปลัดอบจ.เป็นประธานสอบ สรุปสำนวนบอกว่ามีการฮั้วกันจริง ดังนั้นผมจึงไม่กล้าจ่ายเงิน และบัดนี้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้วว่ามีความผิดพ.ร.บ.ฮั้ว ปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสาปลอม เท่ากับคนกลุ่มนี้มีส่วนกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการฮั้วประมูล”

“ผมในฐานะคนของรัฐผมจึงต้องใช้วินิจฉัยในการตัดสินใจว่า การรักษาผลประโยชน์ของเอกชนกับการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ผมควรรักษาผลประโยชน์ของใคร ซึ่งผมก็ตัดสินใจว่าผมต้องรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เพราะนี่คือภาษีอากรของเอกชน และบัดนี้สิ่งที่คณะกรรมการตรวจสอบมาแล้วว่าฮั้วมันมีพยานหลักฐานไปถึงศาลแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ผมจึงสามารถอธิบายได้ว่า ที่ทำไปไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร ทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน” นายนิพนธ์ กล่าว พร้อมกับขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลใจ

Related posts