“ทวี” ลั่นอภัยไม่ได้ ใช้กัญชาเป็นการเมือง

“ทวี สอดส่อง” สุดทน รัฐบาลใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องการเมือง ปลดล็อกกัญชาทั้งที่ยังไม่พร้อม ทำคนเสพติดมากขึ้น ถือเป็นเรื่องอันตราย ไม่ควรให้อภัย ชี้เป็นยุคเศร้าสังคมไทย ขนาดมีกฎหมายยังป้องกันไม่ได้ กลับปลดล็อกให้ใช้เสรี ด้านผู้ประกอบการไทย-มาเลย์ สุดอาย เจอเจ้าหน้าที่มาเลเซียตรวจค้นเพื่อหากัญชา เหตุมาจากประเทศกัญชาเสรี


พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงข้อกังวลเกี่ยวกับยาเสพติดที่กำลังระบาดอย่างหนักในทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยบอกว่า รัฐบาลชุดนี้ได้ประกาศเรื่องยาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญ แต่เราพบว่าหลังจากประกาศมาเกือบ 4 ปีแล้ว ปัญหายาเสพติดรุนแรงขึ้น มีการแพร่ระบาดมาก ทำให้ผลกระทบการจากยาเสพติดค่อนข้างรุนแรง

การแก้ปัญหามีแต่เป็นภาพลบ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือรัฐบาลได้เสนอประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกฎหมายนี้ผ่านสภาไปและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.64 ซึ่งถ้าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกันทำงาน จะเกิดประโยชน์มาก แต่กฎหมายนี้มีลักษณะว่าทุกหน่วยงานต้องไปออกกฎกระทรวงเป็นกฎหมายประกอบ เป็นกฎหมายอนุบัญญัติต่างๆ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความจริงใจ

ถึงวันนี้ทราบว่ากฎกระทรวงต่างๆ ยังไม่ออกมา ทั้งๆ ที่ผ่านมา 8-9 เดือนแล้ว ที่สำคัญอย่างยิ่งขณะที่อนุบัญญัติไม่ออกกระทรวงสาธารณสุขใด้ออกประกาศที่ทำให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีก เรื่องนี้จะมีผลกระทบอย่างยิ่ง เนื่องจากว่ากัญชานั้น ต้องยอมรับว่าสหประชาชาติยังประกาศให้เป็นยาเสพติดอยู่ หลายคนไม่ปฏิเสธเรื่องกัญชาสำหรับทางการแพทย์ แต่กัญชาเรื่องเศรษฐกิจก็ดี หรือกัญชาที่ขัดกับหลักการศาสนาก็ดี อันนี้เป็นเรื่องที่เราขัด เพราะว่าโดยหลักการต้องคิดเสมอว่า “กันไว้ดีกว่าแก้”

“การป้องกันยาเสพติดต้องสำคัญกว่าการบำบัดยาเสพติด เพราะการบำบัดยาเสพติด มีผู้ที่ติดยาเสพติดอยู่แล้ว มันเหมือนเป็นการทำลายชีวิตเขาทั้งชีวิต เพราะว่าเรื่องยาเสพติดมีผลกระทบมาก ที่เป็นห่วงก็คือรัฐบาลเอายาเสพติดเป็นเรื่องการเมือง ถือว่าไม่ควรจะให้อภัย เพราะว่าการจะทำให้คนในประเทศ แม้แต่ 10 คน 20 คนมาติดยาเสพติดเพราะรัฐบาลเป็นเรื่องที่น่าอันตราย จนถึงวันนี้รัฐบาลก็ยังปฏิเสธ เนื่องจากว่าประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเรายังไม่พร้อมเรื่องกฎหมายลูกที่เราแก้กันมา เราก็ควรจะยังคงสถานะให้กัญชาเป็นยาเสพติด รอให้กฎหมายลูกเสร็จก่อน ในระหว่างนี้เราจึงเห็นว่าแม้แต่ในกรุงเทพฯ ในกลางเมืองหลวงหลายแห่ง เปิดประกาศขายกัญชา ทำให้เสียหายมาก ดังนั้นจึงถือว่าเป็นยุคเศร้าของสังคมไทย”

“การจะวัดคุณภาพของคน ต้องวัดที่ทำให้คนมีปัญญาหรือมีความรู้ แต่ตอนนี้รัฐบาลกลับส่งเสริมกัญชา เดิมไม่เสรีก็ทำให้เสรี อันนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถือว่าการที่เราลงทุนพัฒนาประเทศ แต่เมื่อคนในประเทศจำนวนมากจะต้องเป็นคนปลูกผักและหน่วยราชการก็เสียงบประมาณไปเยอะกับการป้องกันยาเสพติด แต่การป้องกันยาเสพติดที่ดีที่สุดคือทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่นี่ทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งถูกกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่อันตราย”

“ไม่มียุคใดสมัยใดที่ไม่สามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้แล้ว กลับปล่อยให้ยาเสพติดไม่เป็นยาเสพติด แล้วเราไม่มีหน้าที่จะไปยืนดูโลก ประเทศต่างๆ เขาก็ยังตกใจ แล้วก็เชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่ง ถ้าไม่เร่งแก้โดยด่วน ปล่อยเวลาแม้แต่วันเดียว มันก็จะยากกับการป้องกัน ขนาดมีกฎหมายก็ยังป้องกันไม่ได้” เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว

@@ กัญชาเสรีทำไทยเป็นตัวตลกอาเซีย

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังระบุถึงสาเหตุของปัญหาที่ทำให้คนไทยถูกจับตาหรือถูกตรวจค้น เมื่อเดินทางไปต่างประเทศว่า ต้นกำเนิดมาจากรัฐบาล เอายาเสพติดเป็นเรื่องการเมือง เอาผลประโยชน์ทางการเมือง ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองบางพรรคผลักดันเรื่องกัญชา ทั้งๆ ที่การหากินกับวัตถุ หรือหากินกับเงินโดยไม่เห็นคุณค่าของชีวิตหรือสุขภาพของมนุษย์มีความสำคัญ และต้องรอบคอบ

“เราก็เป็นตัวตลกในอาเซียน เป็นตัวตลกของประเทศต่างๆ จะเห็นว่ามีรัฐมนตรีบางคนอ้างว่าบางประเทศเห็นไทยปลดล็อกกัญชาก็เอาอย่างบ้าง จะให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ก็จะศึกษาว่าจะเอากัญชามาใช้ทางการแพทย์ คนพูดคือรัฐมนตรีน่าจะละอายใจ การศึกษาวิจัยมันเป็นเรื่องปกติ อินโดนีเซียเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็มีความต้องการอยากจะศึกษากัญชาทางการแพทย์ แต่สภาของอินโดนีเซียปฏิเสธ เพราะว่าองค์ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับเรื่องกัญชา เกี่ยวกับงานวิจัยยังไม่มีคุณภาพพอที่จะเอามาใช้ในทางการแพทย์ แต่ของเราไม่ออกกฎหมายป้องกันกัญชาสำหรับไปเสพ ทางด้านการนันทนาการก็ไม่มีการป้องกัน อันนี้อันตราย ผมก็ไม่เห็นด้วยว่าจะเอากัญชาเป็นเศรษฐกิจ เพราะว่าการหากินกับเศรษฐกิจเชิงที่เอายาเสพติดไปหากิน มันไม่ต่างอะไรกับนักค้ายาเสพติด” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

@@ ผู้ประกอบการสุดอาย เข้ามาเลย์เจอถามพกกัญชาหรือเปล่า

ทางด้านผู้ประกอบการไทยที่ไปเปิดกิจการในมาเลเซีย กล่าวว่า ตอนนี้คนไทยที่อยู่มาเลเซียมีความรู้สึกอาย กี่ยุคกี่สมัยแล้วที่เราเข้า-ออกมาเลเซีย โดยไม่มีปัญหาใดๆ

“เราทำงานที่มาเลเซียมาครึ่งชีวิต ไม่เคยรู้สึกอายเหมือนยุคนี้เลย เพราะรายอที่ผ่านมา ผู้ประกอบการและแรงงานไทยในมาเลเซียเดินทางกลับบ้านจำนวนมาก เมื่อรายอเสร็จก็เดินทางกลับเข้าไปที่มาเลเซีย ปรากฏว่าถูกตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะถาม คำถามที่รู้สึกอายมากว่ามีกัญชาไม่ พกกัญชามาหรือเปล่า เราใส่ชุดมลายู มีหมวกกะปิเยาะอยู่บนหัว เขายังถามคำถาม นี้แล้วจะให้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ตอนนี้ที่มาเลเซีย เวลาว่างๆ พวกเราก็ต้องมานั่งคุยเรื่องกัญชา จะทำอย่างไรให้มาเลเซียไว้ใจพวกเราเหมือนเมื่อก่อน เพราะตอนนี้มาเลย์เขาไม่ไว้ใจพวกเราเลย หลังจากกัญชาเสรี เจ้าหน้าที่มาเลเซียเข้ามานั่งกินข้าว เขาก็จะถามเด็กๆ เรื่องกัญชาเสรีในประเทศไทย บอกตรงๆ พวกเราอาย ยิ่งหลักศาสนาแล้ว กัญชามันคือเรื่องผิดหลัก เราคนมุสลิม ไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้เลย” ผู้ประกอบการไทยในมาเลเซีย กล่าว

 

Related posts