กองทัพภาคที่4ยืนยันสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจของกำลังพลและครอบครัวมิใช่สร้างมัสยิด

ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวในสื่อโซเชียลกล่าวถึงกรณีการสร้างมัสยิดภายในหน่วยทหาร ร.5พัน2 อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฏหมาย นั้น

 


ล่าสุดเมื่อ1เมษายน 2566 พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่4/โฆษกกองทัพภาคที่4 เปิดเผยว่าแม่ทัพภาคที่4ได้สั่งการให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นเพียงสถานที่ในการประกอบศาสนกิจเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กำลังพลและครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้นโดยมิได้จดทะเบียนเป็นมัสยิดและไม่มีคณะกรรมการประจำมัสยิด จึงมิใช่เป็นการสร้างมัสยิดดังที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตุแต่อย่างใด โดยขอยืนยันว่ากองทัพบกได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้กำลังพลและครอบครัวภายในค่ายทหารได้มีสถานที่สำหรับใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและประกอบศาสนกิจตามความศรัทธาของแต่ละศาสนาซึ่งมีทั้งศาสนสถานสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธรวมทั้งสถานที่ประกอบศาสนกิจสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งมีอยู่ทุกค่ายทหารแต่อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไป


สำหรับการก่อสร้างสถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจภายในค่ายทหาร ร.5พัน2 จ.สตูล เกิดจากความคิดริเริ่มของหน่วยที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับกำลังพลและครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งพักอาศัยอยู่ในค่ายเป็นจำนวนมากโดยได้รับการสนับสนุนงปประมาณบริจาคจากพี่น้องประชาชนตลอดจนกำลังพลและครอบครัวผู้มีจิตศรัทธาเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบศาสนกิจตามหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลามสำหรับกำลังพลและครอบครัวภายในค่ายทหารเท่านั้นโดยไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการแต่อย่างใด


ทั้งนี้กองทัพภาคที่4ต้องขอขอบคุณในความตั้งใจและความปรารถนาดีของผู้แจ้งข่าวและตั้งข้อสังเกตุเพราะถือเป็นการทำหน้าที่พลเมืองดีในการช่วยกันตรวจสอบและสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติที่อาจเป็นปัญหาขึ้นมาในสังคมในอนาคตและในโอกาสต่อๆไปหากพบเห็นกำลังพลหรือหน่วยงานในสังกัดกองทัพภาคที่4 กระทำการใดๆที่อาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดต่อหลักกฏหมายขอความกรุณาช่วยแจ้งให้กองทัพภาคที่4ได้รับทราบด้วยเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขต่อไป

Related posts