เลขาฯป.ป.ช.ขอโทษ “นิพนธ์”ปฏิเสธไม่ได้กล่าวหาเป็นผู้มีอิทธิพล แต่เป็นคนสร้างความเชื่อมั่น-ศรัทธาให้ประชาชนมากกว่า ยันย้ายศาลมุ่งคุ้มครองพยานมากกว่า
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีกรณีสำนักคดี ของป.ป.ช. ดำเนินการฟ้องคดีกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกนะทรวงมหาดไทย ฐานละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทคพลัสจำกัด ผู้ชนะการประมูลขายรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา
แต่ให้ย้ายไปฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แทนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ว่า ต้องเริ่มต้นอธิบายเรื่องเขตอำนาจศาลก่อน ตาม พ.ร.บ.ป.วิอาญาเรื่องทุจริตให้นำ ป.วิอาญามาใช้บังคับโดยรวม ตามมาตรา 22 อนุ 1 กำหนดไว้ ซึ่งสามารถย้ายเขตอำนาจศาลได้ 2 กรณี คือตามถิ่นที่อยู่ของจำเลย หรือกรณีสถานที่เกิดเหตุ
ส่วนกรณีที่บอกว่านายนิพนธ์มีอิทธิพลนั้น นายนิวัฒน์ไชย กล่าวว่า ประเด็นพิจารณา ป.ป.ช.มุ่งเน้นเรื่องการนำพยานมานำสืบ ไม่ใช่ไม่เชื่อมั่นต่อศาลในพื้นที่
“นายนิพนธ์เองอยู่ในพื้นที่มานาน เป็นคนกว้างขวาง มีคนรู้จักมาก คำว่าอิทธิพลไม่ได้หมายความว่า มีอิทธิพล ทำผิดกฎหมาย เป็นมาเฟีย ค้าของผิดกฎหมาย แต่คำว่ามีอิทธิพล หมายความว่า สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้คนเกรง หรือเกรงใจในลักษณะนี้มากกว่า สื่อเอาไปลงมากกว่าว่ามีอิทธิพล แต่เราต้องการคุ้มครองพยานมากกว่า”
นายนิวัติน์ไชย ยังกล่าวอีกว่าถ้าศาลประทับรับฟ้องแล้วนายนิพนธ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล แต่ ป.ป.ช.ได้ร้องขอไปด้วยให้ศาลสั่งให้นายนิพนธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ในเวลานี้เมื่อศาลยังไม่ตัดสินชี้ขาดลงมา ก็ยังถือว่านายนิพนธ์บริสุทธิ์อยู่
เมื่อถามว่า การย้ายศาลจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะคุ้มครองพยานได้ดีกว่าอย่างไร นายนิวัติไชย กล่าวว่า การนำพยานออกนอกพื้นที่ ป.ป.ช.มั่นใจว่า คุ้มครองดูแลพยานได้มากกว่าอยู่ในพื้นที่ การที่พยานอยู่ในพื้นที่อาจทำให้พยานเกรง ไม่กล้าให้ถ้อยคำ
“การตัดสินคดีไม่ต่างกัน เราเชื่อมั่นทั้งสองศาล แต่พยานเป็นหลักการสำคัญของ ป.ป.ช. ต้องสร้างความมั่นใจให้พยาน”
ส่วนการจะขอย้ายกลับไปให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิจารณา นายนิวัติไชย กล่าวว่า นายนิพนธ์สามารถยื่นขอต่อศาลได้ เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาล
วันเดียวกันนายนิวัติไชยให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ขอโทษนายนิพนธ์ที่พูดให้เข้าว่าเป็นผู้มีอิทธิพล
นายนิวัติไชย กล่าวยอมรับว่าคดีของนายนิพนธ์ เป็นคดีแรกที่ขอย้ายฟ้องนอกเขตอำนาจศาล อันเป็นการพิจารณาดำเนินการตาม ม.22 อนุ 1 ของป.วิอาญา สามารถฟ้องได้ทั้งถิ่นที่อยู่ ซึ่งนายนิพนธ์เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และฟ้องในถิ่นเกิดเหตุ
นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เหตุเกิดที่จังหวัดสงขลา นายนิพนธ์เป็นคนกว้างขวาง เป็นที่เกรงใจของข้าราชการ นายนิพนธ์เป็นข้าราชการ เป็นผู้ปกครองอยู่ที่นั้นเป็นที่เกรงใจของคนโดยทั่วไป การมาฟ้องที่ส่วนกลางเพื่ออำนวยความสะดวก และคุ้มครองพยาน
เมื่อถามว่า คำว่า กว้างขวางกับมีอิทธิพล ความหมายเดียวกันไหม นายนิวัตไชย อธิบายว่า คำว่า อิทธิพลแปลความหมายได้หลายอย่าง อาจจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชน มีอิทธิพลในการโน้มน้าวคนให้คล้อยตาม ไม่ใช่ทำผิดเสมอไป
“สื่อไปนำเสนอข่าว ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ผมก็ต้องขอโทษคุณนิพนธ์ด้วยที่ใช้คำว่าอิทธิพล ทำให้ตีความว่าคุณนิพนธ์ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า”
พิธีกรถามว่า ถ้าฮั้วจริงจะจ่ายเงินได้อย่างไร ป.ป.ช.เองก็เชื่อว่ามีการฮั้วไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคล นิติบุคคลที่ร่วมกันฮั้วประมูล นายนิวัติไชย กล่าวว่า ต้องแยกกัน เมื่อรู้ว่ามีการฮั้วประมูลก็ต้องรีบดำเนินการยกเลิก แต่ที่ผ่านมาเหมือนรู้แล้ว แต่ไม่ดำเนินการตั้งแต่ต้น
“ผมยกตัวอย่างให้ฟัง แต่ไม่เกี่ยวกับคดีคุณนิพนธ์นะ โจรขโมยเงินแบงค์มา ตำรวจไปเรียกรับเงินจากโจรว่าจะไม่จับกุม มันไม่แตกต่างกัน ความผิดเกิดขึ้นแล้ว โจรก็ผิด ตำรวจก็ผิด” นายนิวัติไชย กล่าวว่า เป็นการสมมติให้ฟังนะ
#สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย #เนชั่นทีวี #เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์