กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ระดมกำลังพลจิตอาสาจากหน่วยขึ้นตรง พร้อม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุโขทัย เร่งวางกระสอบทรายอุดรอยรั่วพนังกั้นน้ำแตกในเมืองสุโขทัย พร้อมช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยเมืองสุโขทัย
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เวลา 03.30 น. พันเอก พิทยา ราชะพริ้ง รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุโขทัย ฝ่ายทหาร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุโขทัย และชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย และจิตอาสาภัยพิบัติ จาก กองพันทหารเสนารักษ์ที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ดำเนินการวางกระสอบทรายเพื่อเสริมพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำยม บริเวณสะพานโตโยต้า หมู่ที่ 1 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
ขณะเดียวกัน ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือและฝนตกสะสมในพื้นที่ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเออล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตอำเภอเมืองสุโขทัย จุดที่ 1 บริเวณวัดปากแคว จุดที่ 2 หมู่ 1 ตำบลปากแคว และจุดที่ 3 บริเวณประตูน้ำเฟื่องฟ้า โดยฝ่ายปกครองจังหวัดสุโขทัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหาร และประชาชนจิตอาสา นำกำลังมาบรรจุกระสอบทรายเพื่อกันน้ำในเบื้องต้น แนวโน้มสถานการณ์ คาดว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำยมจะเพิ่มขึ้น มีการจัดเวรยามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตั้งแต่ เวลา 02.30 น. นางพัฒสอน ดอนพิมพา นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี ลงพื้นที่จุดเสี่ยง ใกล้เคียงร้านอาหารเฟื่องฟ้า ชุมชนคูหาสุวรรณ อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนบางส่วน หาแนวทางแก้ไข และช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุออกจากพื้นที่
ในเวลาเดียวกัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากแคว ว่า กระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณซอยสุทินพัฒนา หมู่ที่ 1 ตำบลปากแคว อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย แตกเสียหาย ทำให้น้ำไหลท่วมเข้าบ้านเรือนชาวบ้าน จึงขอประสานกำลังเจ้าหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่ง นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ ปลัดจังหวัดสุโขทัย มอบหมายให้ นายกฤตย์ เข็มเพ็ชร ป้องกันจังหวัดสุโขทัย นำกำลังพล ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย สมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน สังกัด กองร้อยบริการกองบังคับการอาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดสุโขทัย รวมจำนวน 30 นาย เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบริเวณจุดดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ประสานกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติจาก กองพันทหารเสนารักษ์ที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 จำนวน 24 นาย และองค์การบริหารส่วนตำบลปากแคว สนับสนุน ทราย และกระสอบทราย ในการเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ต่อไป
ขณะที่ นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตจังหวัดสุโขทัย ปลัดอำเภอ ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก และครอบครัวผู้ประสบปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่ อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย จำนวน 6 ครัวเรือน ณ เทศบาลตำบลทุ่งหลวง หมู่ที่ 6 จำนวน 3 ครัวเรือน และ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด หมู่ที่ 12 จำนวน 2 ครัวเรือน หมู่ที่ 14 จำนวน 1 ครัวเรือน รวมทั้งหมด 6 ครัวเรือน พร้อมทั้ง มอบสิ่งของยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยาสามัญประจำบ้าน ให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้ประสบอุทกภัย
จากนั้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เวลา 09.30 น. ฝ่ายปกครองจังหวัดสุโขทัย บูรณาการร่วม กำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติจากกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 จำนวน 24 นาย และสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน จำนวน 20 นาย ดำเนินการเรียงกระสอบทรายแล้วประมาณ 300 เมตร คงเหลืออีกประมาณ 30 เมตร ณ บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำยมเขต หมู่ 1 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองจังหวัดสุโขทัย
ล่าสุด เมื่อ เวลา 09.40 น. ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานภาค 3 ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย บริเวณริมตลิ่ง แม่น้ำยมหมู่ 1 ตำบลปากแคว เหนือสะพานโตโยต้า ฝั่งตะวันตก ตรงข้ามสรรพสามิต อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย นายสมพงค์ ชมชัย นายอำเภอเมืองสุโขทัย นำรถแบคโฮ ลานหอยคอนกรีต จัดเรียงแท่งแบริเออร์แล้วประมาณ 40 ม คงเหลืออีกประมาณ 30 เมตร พร้อมทั้งเร่งเสริมกระสอบทรายล้อมฐานเสาไฟฟ้า ป้องกันเสาไฟล้มพังเสียหาย รวมถึงอพยพประชาชนขนย้ายสิ่งของ บ้านเรือนที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง ปลัดอำเภอเมืองสุโขทัย ได้นำสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน ร่วมกับประชาชนจิตอาสา ดำเนินการในครั้งนี้ด้วย
สำหรับปัญหาอุปสรรคเพิ่มเติม พบว่ามีกระสอบเก่าที่ขาดชำรุด ทำให้มีจุดกระสอบทรายพังเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นกระสอบทรายเก่าจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่อีกจำนวนหนึ่ง กำลังเร่งประสาน อบต ปากแควให้เปลี่ยนใบใหม่ทดแทนเพื่อความคงทนมากยิ่งขึ้นต่อไป
ขณะที่ ชาวบ้านจิกเอน หมู่ 8 ตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ว่าขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังต้องเผชิญน้ำท่วมหมู่บ้านมานานกว่า 2 เดือน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง บ้านเรือน 57 หลังได้รับผลกระทบ ซึ่งนางรุ่งรัศมี อายุ 57 ปี ชาวบ้านจิกเอน บอกว่า ตั้งแต่มีโครงการบางระกำโมเดล ชาวบ้านก็เดือดร้อนมาตลอด แต่ละปีน้ำท่วมสูง ท่วมนาน ท่วมขังอยู่ในบ้านเป็นเดือนๆ ทำให้การใช้ชีวิตกิน-อยู่-หลับนอนแสนลำบาก เดินลุยน้ำกันทั้งวัน จนเป็นโรคน้ำกัดเท้า
“ฉันลำบากมาก น้ำท่วมมา 2 เดือนแล้ว จะออกไปทำมาหากินก็ไม่ได้ ต้องคอยดูแลหลานๆ ส่งข้าวส่งน้ำให้แม่และพ่ออายุ 93 ปี นอนก็ไม่ค่อยหลับ ผวาสัตว์มีพิษ ชีวิตแช่อยู่ในน้ำ จะกินจะนอนก็ลำบาก ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง หวังพึ่งใครไม่ได้”
นอกจากนี้ ยังมีหญิงชราป่วยติดเตียง และสาวแม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอด อาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูง รวมทั้งร้านค้าขายของชำ บ้านเรือนหลายหลัง ต่างทุกข์ระทมกันทั่วหน้า