นายยกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขา ปชป,ขอโทษกลุ่มประมงโพงพาง หลัง ผวจ.สงขลา ประกาศ รื้อถอน ในวันที่ 19 นี้

นายยกชาย เดชอิศม์ ขาวทอง เลขา ปชป,ขอโทษกลุ่มประมงโพงพาง หลัง ผวจ.สงขลา ประกาศ รื้อถอน ในวันที่ 19 นี้
จากการเปิดเผยของนายเดชอิศม์ ขาวทอง ( นายกชาย )ว่า ได้มีการพบกับ กลุ่มผู้ทำอาชีพประมงด้วยโพงพาง ซึ่ง เป็นเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย ที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา จำนวน 1,5 00 กว่าช่อง และมีส่วนหนึ่งที่รุกเข้าไปในร่องน้ำของการเดิน จำนวน 158 ช่อง แต่เดิม จังหวัดสงขลา มีการเตรียมรื้อถอน วันที่ 9 เดือน กุมพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ตนได้ร้องขอให้ จังหวัดมีการชะลอการรื้อถอนไว้ก่อน โดยขอที่จะเป็นผู้เจรจากับชาวประมงเจ้าของโพงพาง เพื่อหาทางออกที่ให้ผู้ทำอาชีพโพงพางเดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งได้มีการประชุมกับเจ้าของโพงพางหลายรอบ โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้กับร่องน้ำในการเดินเรือ โดยเจ้าของโพงพางเรียกร้องค่าชดเชยในการรื้อถอน ช่อละ 450,000  บาท รวมเป็นเงิน 71 ล้าน บาทเศษ ซึ่งตนเองได้พยายามที่จะ หางบประมาณดังกล่าวจาก เพื่อน ฟ้อง น้อง พี่ เพราะได้มีการ เจรจากับ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ รมว.กระทรวงเกษตรฯ แต่ทางราชการไม่มีนโยบายในการเยียวยา ดังนั้นด้วยจำนวนเงินที่มากถึง 71 ล้าน ตนจึงไม่สามารถที่ชะช่วยเหลือ ชาวประมง ที่เป็นเจ้าของโพงพางได้  และตนได้ขอโทษชาวประมง ที่ต้องถูกรื้อถอนในวันที่ 19 และขอให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแก้ปัญหานี้ต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม นายเดชอิศม์ กล่าวว่าการทำอาชีพดักโพงพาก ในทะเลสาบสงขลา ทำกันมาชั่ว  5-6 อายุคน เป็นเวลา 200-300 ปีมาแล้ว  จนกลายเป็นอาชีพของชาวบ้าน และโพงพาง 1 ปาก  สามารถมีรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว 3-4 ครอบครัว การรื้อโพงพางในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับคนใน ต.หัวเขา มากกว่า 10,000 คน จากการพูดคุยพวกเขายินดีที่จะเลิกอาชีพการดัดโพงพาง แต่ต้องมีอาชีพอื่นให้เขาทำมาหากิน ส่วนตัวเห็นด้วยการการรื้อโพงพางในครั้งนี้ เพราะเป็นเครื่องมือที่ถูกประกาศให้เป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งส่วนหนึ่งที่ถูกรื้อเพราะกีดขวางร่องน้ำ ทำให้มีปัญหากับการเดินเรือ ตลอดเวลา 3 เดือน ที่ได้ขอโอกาสกับ ผวจ.สงขลา ตนได้พยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือด้วยการเยียวยา แต่ทำไม่สำเร็จ
 
ในขณะที่นายธำรง เจริญกุล อดีต ผวจ.สงขลา ปี 2558- 2559 ได้เปิดเผยว่า ในครั้งที่ตนเป็น ผวจ.สงขลา ได้จ่ายเงินให้มีการรื้อถอน โพงพาง ที่ รุกร่องน้ำการเดินเรือไปแล้ว ในระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่กีดขวางร่องน้ำการเดินเรือจำนวน 11 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ตนเองได้รับการสนับสนุนจาก ผู้ประกอบการทางทะเลที่ได้รับความเดือดร้อนจาก โพงพาง ที่รุกล้ำร้องน้ำเดินเรือ และต้องเสียเงินให้กับเจ้าของโพงพาง ที่เรียกร้องเงินค่าเสียหายจากการที่เรือเฉี่ยวชนกับโพงพาง ที่รุกร่องน้ำการเดินเรือ และมีการจัดที่ดินทำกินให้ครอบครัวละ 2 ไร่ ที่ บ้านโคกไร่ อ.เมือง สงขลา แต่ หลังจากรับเงินแล้ว หลังตนพ้นตำแหน่ง โพงพาก ที่รับเงินไปแล้วก็กลับมาปักหลักในที่ดิน ส่วนที่ดินทำกิน ทราบว่ามีการขายสิทธฺให้กับคนอื่น และครั้งนี้ ก็จะเรียกร้องค่าชดเชยอีก ทั้งที่รับเงินชดเชยไปแล้ว ในอดีตที่ตนเอง ไม่ได้ใช่กฎหมายในการดำเนินการกับโพงพางเหล่านี้ เพราะในปี 2559 โพงพาง ยังไม่ใช่เครื่องมือทำประมงที่ผิดกฎหมาย และเงินที่ใช้ในการชดเชย ก็เป็นเงินของเอกชน แต่ จ่ายเงินแล้ว ปัญหาก็ไม่จบ เป็นการผิดคำพูด ผิดสัญญา ของผู้เป็นเจ้าของโพงพาง ตนเห็นด้วยที่จะให้ กฎหมาย ในการ ดำเนินการรื้อถอนในส่วนแรกคือ ในระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่ขวางร่องน้ำการเดินเรือ ส่วนที่เหลือ ซึ่ง ผิดกฎหมาย เช่นกันก็จะต้องดำเนินการต่อไป

Related posts